เที่ยวอิหร่าน 12 วัน PART 1: อิหร่านเหนือ – ชาลูส, แรมซาร์, อาร์เดบิล, คานโดวาน

ช่วงวันที่ 28 ก.ค. ถึง 8 ส.ค. 66 ที่ผ่านมา ผมไปเที่ยวอิหร่านมาครับ อยากไปมานานแล้ว พอดีเห็นทัวร์ของ Wild Chronicles ขึ้นมาบน Facebook พอดี ติดตามทางเพจมานาน รู้สึกว่าเป็นเพจที่ความรู้เรื่องตะวันออกกลางค่อนข้างแน่น คิดว่าไปเที่ยวกับทางเพจน่าจะน่าสนใจ ก็เลยกดจองไปเลยครับ

จริง ๆ ทัวร์ไม่ได้ยาวขนาดนี้ ความพีคคือ ผมไม่ทราบว่าปกติที่เขาเที่ยวกันมันคือทัวร์อิหร่านคลาสสิคลงไปทางตอนกลางของประเทศ แต่ทัวร์ที่ซื้อเป็นทัวร์ไปอิหร่านทางเหนือ ซึ่งเน้นธรรมชาติและคนละทางกันเลย 😆 แต่ไหน ๆ ก็จะไปแล้ว ก็เลยอยู่ต่อเองต่ออีก 5 วันแล้วไปทางอิหร่านคลาสสิคไปด้วยเลยครับ

เนื่องจากทริปยาวมากและรูปก็เยอะ เลยขอแยกออกเป็น 3 PART ครับ (Part 2, Part 3) อันนี้ออกแนวบันทึกการเดินทาง ไว้มีโอกาสผมมาสรุปประเด็นสำคัญ ๆ ในอีกบล็อกหนึ่งแยกต่างหากละกันครับ

28 ก.ค. 66: เดินทางถึงเตหะราน

วันนี้ไม่มีอะไรมากครับ เดินทางไปถึงดึก ๆ กว่าจะผ่านเกทกว่าจะไปถึงโรงแรม Rexan Hotel ซึ่งถึงแม้จะอยู่ตรงข้ามสนามบิน ก็ตีสองกว่า ๆ เก็บของอาบน้ำ กว่าจะเสร็จก็ตีสามกว่า ๆ ก็เลยนอนเลยครับ

ในแง่การเดินทาง ตอนขาไปผมบินกับ Mahan Air อากาศร้อนมาก เหมือนระบบปรับอากาศเสีย เปิดฮีตเตอร์แรงไป แล้วก็ร้อนอย่างนั้นตลอดทริป คือนอนไม่หลับเลยครับบนเครื่อง ขากลับไม่ถึงกับร้อนมากแต่ก็ไม่เย็นอยู่ดี อาหารโอเค แต่ระบบต่าง ๆ บนเครื่องไม่ค่อยดี สรุปคือไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ครับสายการบินนี้ 😅

ภาพบรรยากาศ ณ​ โรงแรม Rexan hotel ตรงข้ามสนามบินเตหะราน

29 ก.ค. 66: ชาลูส – แรมซาร์

วันนี้เป็นการเดินทางออกจากเตหะราน ขึ้นเหนือไปทางเมืองชาลูส (Chalus) จากนั้นไปต่อจนถึงเมืองแรมซาร์ (Ramsar)

ระหว่างทางจะต้องผ่านเทือกเขาแอลโบร์ซ (Alborz) โดยเส้นทางที่ชื่อว่าถนนชาลูส (Chalus Road) หรือ Road 59 ซึ่งเป็นถนนที่ชาวอิหร่านนิยมไปโร้ดทริปกัน เนื่องจากมีความสวยงามของเทือกเขาดังกล่าว ระหว่างทางมีเขื่อนคาราจ (Karaj dam) ซึ่งก็แวะชมได้

คุณฮาคาน เจ้าของบริษัทและผู้จัดทริปนี้ในฝั่งอิหร่าน
อาจารย์ปอนด์ หัวหน้าคณะทัวร์ชาวไทย
คุณเอลลี่ ไกด์ประจำทริป
ทิวทัศน์เมืองเตหะราน ขณะรถเคลื่อนผ่านเมือง

เขื่อนคาราจ (Karaj Dam)

และแล้วก็ถึงจุดหมายแรกคือเขื่อนคาราจ ก็สวยดีครับ แต่ว่าก็ไม่ได้มีอะไรเท่าไหร่ 😆

บรรยากาศบริเวณเขื่อนคาราจ
บรรยากาศบริเวณเขื่อนคาราจ
มีชาวอิหร่านไปพักผ่อนชมวิวจำนวนหนึ่งเหมือนกันครับ
หมอเต้ เพื่อนร่วมทริป ยืนเท่ดี

ถนนชาลูส (Chalus Road)

นั่งรถกันต่อยาว ๆ บนถนนชาลูสครับ

บรรยากาศรอบ ๆ ก็จะเป็นภูเขาประมาณนี้แหละครับ ช่วงออกจากเตหะรานมาจะเป็นเขาค่อนข้างแห้ง ๆ มีต้นไม้เป็นหย่อม ๆ แต่พอผ่านเขาไปแล้วจะเขียวแบบเหมือนคนละประเทศ
บรรยากาศร้านค้าระหว่างทาง
ลานจอดรถที่เต็มไปด้วยรถสีขาว

ที่อิหร่านนี่คนนิยมซื้อรถสีขาวกันครับ ผมว่าน่าจะราว 80% อีก 15% เป็นสีดำ ที่เหลือเป็นสีอื่น ผมถามเขาว่าทำไมมีแต่สีขาว ถามแต่ละคนก็ได้คำตอบไม่ค่อยเหมือนกัน แต่เท่าที่ฟังเหตุผลดูจะเป็นว่า 1) ไม่ร้อน 2) ซื้อง่ายขายคล่อง 3) เขาผลิตมาแต่สีนี้ อันนี้ต้องเข้าใจพื้นเพเล็กน้อยว่าเขาโดนตะวันตกคว่ำบาตรมานาน หลาย ๆ อย่างก็ต้องผลิตเอง รถก็เช่นกันครับ แต่ในปีหลัง ๆ เหมือนจะเริ่มนำเข้ามาแล้วนะครับ

บรรยากาศบนถนนชาลูส สวยดีนะครับ นั่งบนรถบัสดูวิวเพลิน ๆ ครับ
เริ่มผ่านช่วงสันปันน้ำ เข้าสู่ช่วงสีเขียวครับ เห็นแบบนี้นี่รถติดพอสมควรเหมือนกันนะครับ
ถ้าข้ามเขาไปแล้ว จะเขียวเหมือนเมืองไทยเลยล่ะครับ มีโซนปลูกข้าว ฝนตกชุ่ม และไม่ร้อนเลยครับ
บรรยากาศบนถนนชาลูส
คดเคี้ยวไปยาว ๆ ครับ จริง ๆ ก็คล้าย ๆ นั่งรถแถวภาคเหนือในไทย

Namakabrud cable car

ตอนแรกทางผู้จัดตั้งเป้าว่าจะไปขึ้นกระเช้าลอยฟ้าที่แรมซาร์ แต่เนื่องจากรถติดมาก เราจึงไปถึงชาลูสค่อนข้างช้า ทางผู้จัดเกรงว่าถ้าเดินทางต่อไปที่แรมซาร์น่าจะมืดหมดแล้ว ขึ้นกระเช้าไปก็ไม่เห็นอะไร เลยเปลี่ยนมาขึ้นกระเช้าที่ชาลูสแทน

ตรงนี้เหมือนเป็นสวนสนุกและห้างเอาไว้ให้ชาวเตหะรานและรอบ ๆ พักผ่อน
ทางขึ้นกระเช้าไฟฟ้าครับ กว่าจะได้ขึ้นก็รอคิวอยู่ร่วมชั่วโมง ระหว่างขึ้นวิวก็โอเคครับ แต่ผมไม่ได้ถ่ายมา (ถ่ายแต่วิดีโอ ลืมถ่ายรูป) ข้างบนไม่มีจุดชมวิว สรุปคิดว่าก็ดีกว่าไม่ได้ขึ้นครับ แต่ไม่แน่ใจว่าที่แรมซาร์จะดีกว่าหรือเปล่านะครับ
น้องแมวที่ร้านข้าวระหว่างทาง
ช่วงเย็น พักที่โรงแรม Ramsar Parsian Azadi Hotel โอเคนะครับ
บรรยากาศห้องพักที่ Ramsar Parsian Azadi Hotel

30 ก.ค. 66 แรมซาร์ ปราสาทรุดข่าน หมู่บ้านมาซูเลห์

วันนี้ฝนตกทั้งวันเลยครับ เราเริ่มต้นวันด้วยการเที่ยวในตัวเมืองแรมซาร์ครับ

Casino Boulevard

เริ่มจากการไปที่ถนนคาสิโน (Casino Boulevard) ซึ่งเป็นถนนที่สร้างเพื่อไปที่บ่อนคาสิโนที่ตั้งใจว่าจะเปิดให้บริการในสมัยกษัตริย์พระเจ้าชาห์ โมฮัมหมัด เรซา ปาห์ลาวี (กษัตริย์องค์สุดท้าย) ไม่แน่ใจว่าสุดท้ายได้เปิดไหมนะครับ แต่หลังการปฏิวัติอิสลามเหมือนคาสิโนทุกแห่งก็ปิดหมดครับ ถนนนี้ก็เปลี่ยนชื่อเป็นถนนครู หรือ teacher boulevard ไป

บรรยากาศบนถนน casino (teacher) boulevard
ที่ปลายสุดของถนนจะเป็นคาสิโนร้าง

พิพิธภัณฑ์พระราชวังแรมซาร์ (Ramsar Palace Museum)

พิพิธภัณฑ์นี้เดิมเป็นพระราชวังมาก่อน เข้าใจว่าเป็นแนวบ้านพักตากอากาศของกษัตริย์ สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกษัตริย์พระเจ้าชาห์ เรซา ปาห์ลาวีแล้ว (พระบิดาของกษัตริย์องค์สุดท้าย) กษัตริย์โมฮัมหมัด เรซาเองก็ใช้ที่นี่เป็นที่ฮันนีมูนกับภรรยาคนที่สอง หลังการปฏิวัติจึงถูกเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ให้คนเข้าชม ภายในประกอบด้วยอาคารหลายหลัง

ไม่แน่ใจว่าอาคารนี้แต่เดิมเอาไว้ทำอะไร แต่ปัจจุบันเอาไว้เก็บพวกสิ่งของที่ทำจากงาช้าง และข้าวของอื่น ๆ
สิ่งของเหล่านี้เป็นการแกะสลักงาช้างทั้งหมดครับ ดูสไตล์งานค่อนข้างไปทางจีน
งาช้างใหญ่มาก รายละเอียดก็ดีมาก
ไฮไลต์ของที่นี่คืออาคารนี้แหละครับ ทางเข้าทำจากหินอ่อน ข้างหน้าจะมีสระน้ำ (ถ่ายไม่เห็น)
เข้ามาจะเจอห้องรับรอง พร้อมพรมเปอร์เซียขนาดใหญ่มาก
พรมเปอร์เซียผืนดังกล่าว ไกด์เขาเล่า story ให้ฟังอยู่นะ แต่ผมจำไม่ได้
ไม่แน่ใจว่าห้องเอาไว้ทำอะไรครับ
บรรยากาศภายในพิพิธภัณฑ์
อันนี้ห้องน้ำ
ห้องอาหาร

เดินทางต่อ

เราออกจากเมืองแรมซาร์ และเดินทางต่อไปยังเมืองฟูมาน (Fuman) เพื่อไปยังปราสาทรุดข่าน (Rudkhan Castle)

ชาวอิหร่านชอบยิ้มทักทายกล้อง บางทีเราเดิน ๆ อยู่ก็มาขอถ่ายรูปหรือขอให้เราถ่ายรูปให้ ท่านนี้เห็นผมกำลังถ่ายถนนก็โบกมือให้
จนกลับมาแล้ว ผมก็ยังไม่ทราบว่าคนที่มีถังที่มีควันแบบนี้ตามถนนคือเขากำลังทำอะไร อันนี้ขายของหรือทำพิธีกรรมหรืออย่างไรไม่ทราบเหมือนกันครับ
แวะทานข้าว พ่อครัวกำลังทำ Kebab ให้เราทาน

ปราสาทรุดข่าน (Rudkhan Castle)

ปราสาทรุดข่านเป็นปราสาทตั้งแต่ยุคจักรวรรดิซาเซเนียน ซึ่งอยู่ในช่วงประมาณค.ศ. 200-600 เป็นอาณาจักรสุดท้ายก่อนที่อาหรับจะรุกเข้ามาและเปลี่ยนศาสนาเป็นอิสลาม ปราสาทนี้สร้างขึ้นเพื่อต้านการรุกรานนั้น ปัจจุบันแทบไม่เหลืออะไรแล้วเหลือแค่กำแพงและซากปรักหักพังเล็กน้อยอยู่บนยอดเขา ซึ่งต้องใช้เวลาเดินทางจากตีนเขาขึ้นไปราว 2 ชั่วโมง ระหว่างทางช่วงต้น ๆ จะมีร้านขายของและร้านนั่งชิลมากมาย

เราไปถึงที่ปราสาทค่อนข้างช้ากว่ากำหนดการ ดังนั้นจึงไม่มีเวลาพอจะขึ้นไปถึงจุดที่เป็นปราสาทได้ ก็เลยได้แต่ชมบรรยากาศร้านขายของบริเวณทางขึ้น (อันนี้คือผมเดินขึ้นอยู่ราว 30 นาทีนะครับร้านถึงจะหมด นับว่าร้านเยอะมาก)

บรรยากาศร้านขายของบริเวณปราสาทรุดข่าน
ร้านนั่งชิลริมน้ำแบบนี้ก็เยอะครับ คนจะมานั่งชมวิว จิบชา ดูดบารากุกัน ที่นั่งไม่มีแอลกอฮอล์ขาย (ในที่สาธารณะ)
เป็นลำธารเล็ก ๆ ขนานไปตามทางเดินขึ้นเขาแบบนี้แหละครับ สังเกตความเขียวและความชุ่มชื้นนะครับ อย่างที่ผมบอกว่าผ่านเทือกเขาแอลโบร์ซมานี่คือเขียวชอุ่มเลยล่ะครับ
ขึ้นไปเรื่อย ๆ ครับ ประมาณ 30 นาทีร้านก็จะหมด แต่จะขึ้นไปถึงจุดที่มีปราสาทคืออีกยาวครับ เราเลยตัดสินใจลงมากัน นับว่าน่าเสียดายครับ

หมู่บ้านมาซูเลห์ (Masuleh)

เราเดินทางกันต่อไปที่เป้าหมายต่อไปคือหมู่บ้านมาซูเลห์ครับ เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ที่อยู่มานานมากแล้วตั้งแต่ราวปีค.ศ. 1000 (แต่ก็มีหลักฐานว่ามีชุมชนเกิดขึ้นบริเวณนั้นมาก่อนหน้านั้นแล้วครับ) จุดเด่นของที่นี่คือเป็นอาคารบนเขาที่หลังคาของบ้านที่อยู่ด้านล่างจะเป็นสวนและทางเดินของบ้านหลังที่อยู่บน ซ้อนกันไปเรื่อย ๆ ครับ

หมู่บ้านมาซูเลห์ในสายหมอก
คนสามารถไปยืนบนหลังคาได้ เพราะมันคือสวนของบ้านหลังที่อยู่บน
บรรยากาศหมู่บ้านมาซูเลห์
มีตลาดขายของที่หมู่บ้านเช่นกัน
บรรยากาศที่หมู่บ้านมาซูเลห์
บรรยากาศที่หมู่บ้านมาซูเลห์ ของจริงสวยงามมากครับ
ที่อิหร่านชอบมีร้านให้เช่าชุดเพื่อแต่งตัวเป็นชุดพื้นเมืองต่าง ๆ แล้วถ่ายรูปครับ
มัสยิดประจำหมู่บ้าน
หมู่บ้านมาซูเลห์ยามค่ำคืน

หลังจากนั้นเราก็เดินทางกันต่อไปที่เมืองบันดาร์ อันซาร์ลี (Bandar Anzali) เพื่อค้างคืน คืนนั้นเราพักกันที่โรงแรมสไตล์อีโค่แห่งหนึ่ง ผมจำชื่อไม่ได้ ในแง่ความงามถือว่าโอเคเลยครับ แต่ในแง่บริการอาจยังไม่ค่อยพร้อมนัก ขนาดตอนเช้าคือไกด์ต้องมาเสิร์ฟอาหารทีละห้องให้แขกเองน่ะครับ 😅

31 ก.ค. 66 ทะเลแคสเปียน อาร์เดบิล

ตอนเข้าผมแวะถ่ายรูปบรรยากาศในโรงแรมเพิ่มเล็กน้อย สวยดีนะครับ

บรรยากาศโรงแรม จำชื่อไม่ได้

ทะเลแคสเปียน

ก่อนออกจากเมืองนี้เราแวะไปชมทะเลแคสเปียนกันเล็กน้อย ทะเลแคสเปียนคือทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในโลกครับ มีพรมแดนติดกับ 5 ประเทศ แต่ถ่ายภาพออกมาก็เหมือนทะเลธรรมดานี่แหละครับ 😆

อิหร่านค่อนข้างเป็นเมืองที่มีปัญหาด้านขยะในพื้นที่สาธารณะ ส่วนหนึ่งเพราะคนเขาชอบปิคนิคกันมากครับ แต่ปัญหาคือปิคนิคเสร็จแล้วไม่ค่อยเก็บ เลยจะมีพื้นที่ที่มีขยะเยอะแบบนี้พอสมควรเลย
น่าจะเป็นแม่ลูกมาเล่นน้ำทะเล

อันซาร์ลีลากูน (Anzali lagoon)

ลากูนคือแหล่งน้ำตื้น ๆ ที่แยกออกจากทะเลครับ ที่เมืองนี้ก็มีลากูนเช่นกันโดยมีชื่อเสียงเรื่องมีทุ่งดอกบัวขนาดใหญ่ เราก็เลยไปล่องเรือชมดอกบัวกัน เอาจริง ๆ อาจไม่ได้ต่างจากในไทยเท่าไหร่

ล่องเรือชมดอกบัว เรียกว่าชมต้นบัวดีกว่าเพราะไม่ค่อยเห็นดอกเลยครับ
มีดอกอยู่บ้านประปราย ถ้ามาฤดูที่เห็นเป็นดอกสีชมพูเยอะ ๆ น่าจะสวยกว่านี้ครับ
อย่างไรก็ดีบรรยากาศการล่องเรือก็ชิลดีนะครับ ชมนกชมอะไรไปเรื่อย คล้าย ๆ กับตอนล่องทะเลสาบในพม่าหรือเขมร
ชาวบ้านแถวนั้น จริง ๆ บรรยากาศนี่เหมือนเมืองไทยมาก

เส้นทางเฮรัน (Heyran Pass)

เราเดินทางกันต่อไปยังเมืองอาร์เดบิล (Ardabil) ครับ ระหว่างทางจะต้องมีการข้ามทือกเขาแอลโบร์ซอีกครั้ง ทำให้เกิดเส้นทางชมทิวทัศน์สวย ๆ อีกครั้ง เรียกว่าเส้นทางเฮรัน (Heyran pass) ครับ

แวะเติมน้ำมัน ชาวอิหร่านท่านนี้โพสท่าให้ถ่ายรูปให้
บรรยากาศที่ปั๊มน้ำมัน ไกด์บอกน้ำมันถูกมาก ลิตรละไม่ถึงสิบบาท และรัฐมีสวัสดิการน้ำมันราคาถูกในช่วงลิตรแรก ๆ ให้ด้วย คนใช้รถก็เยอะมากเช่นกัน
บรรยากาศในเส้นทางเฮรัน พอดีฝนตกพอสมควร แทบไม่เห็นอะไรเลยครับ 😆 เลยบอกยากว่าสวยไหม
ผ่านภูเขามาจนถึงพื้นที่ราบ ข้างทางเป็นทุ่งข้าวสาลี สวยดีครับ
เราพักกันที่โรงแรม Ardabil Ideal Boutique Hotel โดยรวมก็โอเคนะครับ ผมได้ห้องใหญ่ที่มี 4 เตียง พักคนเดียวก็แปลก ๆ นิดครับ 😆

Ardabil ยามค่ำ

เราเดินออกจากโรงแรมไปตามตัวเมืองอาร์เดบิลเพื่อไปร้านอาหารที่อยู่ใกล้ ๆ ถือโอกาสชมบรรยากาศเมืองไปด้วย

ร้านขายของในเมืองอาร์เดบิล
ร้านขายเนื้อ
น้องขายแตงโม อิหร่านแตงโมเยอะมาก ไปโรงแรมไหนก็ได้กินแตงโม
ท่านนี้อยู่กับน้องคนข้างบน
อย่างหนึ่งที่ผมชอบคือมีร้านซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าค่อนข้างเยอะ แสดงว่า the right to repair ยังดีอยู่ สิ่งนี้ขาดหายไปจากไทยและหลาย ๆ เมืองไปแล้วนะครับ เสียก็ส่งเปลี่ยนอันใหม่

โดยรวมผมค่อนข้างชอบการเดินในเมืองอิหร่านนะครับ เมืองมีชีวิตชีวา เดินได้ ไม่ร้อน ร้านขายของต่าง ๆ มากมาย ไม่ได้กระจุกตัวอยู่แค่ในห้าง

น่าจะเป็นมัสยิด อยู่ใกล้ ๆ ร้านอาหาร
ผมไม่แน่ใจว่าร้านอาหารที่เราไปทานนั้นชื่อว่าร้านอะไรนะครับ (เหมือนจะชื่อ Shah Abbas restaurant) แต่จุดเด่นคือเป็นโรงอาบน้ำสาธารณะเก่าครับ
บรรยากาศภายในร้าน นั่งทานบนที่นั่งแบบนี้หรือบนโต๊ะปกติก็ได้

1 ส.ค. 66 อาร์เดบิล คานโดวาน

เมืองอาร์เดบิลนี้มีความสัมพันธ์กับราชวงศ์ซาฟาวิด (Safavid) ซึ่งตรงกับราว ค.ศ. 1500-1700 ซึ่งเป็นยุคที่เปอร์เซียกลับมาเป็นปึกแผ่นอีกครั้งหลังจากผ่านการรุกรานจากฝ่ายต่าง ๆ ตั้งแต่อาหรับยันมองโกลในช่วงที่ผ่านมา กษัตริย์ชาห์อิสมาอิลที่ 1 ซึ่งเป็นต้นราชวงศ์ซาฟาวิดเริ่มการรวมประเทศจากเมืองอาร์เดบิลนี้

Sheikh Safi Al-Din Ardabili’s Shrine

ชื่อยาวมาก อ่านไม่ถูกเลยทีเดียว แต่ที่แห่งนี้คือหลุมฝังศพของท่านชีค ซาฟี (Sheikh Safi) ซึ่งเป็นผู้นำแนวปฏิบัติแบบซูฟี (Sufism) ของศาสนาอิสลาม คือไกด์บอกว่า Shrine ของอิสลามนี่ก็คล้าย ๆ มัสยิดแหละครับแต่ว่ามีศพของผู้ศักดิ์สิทธิ์อยู่ในนั้นด้วย (มัสยิดไม่มี) พอดีว่ากษัตริย์ชาห์อิสมาอิลที่ 1 เชื่อมั่นในแนวปฏิบัติแบบซูฟีนี้ ก็เลยค่อนข้างโปรโมตเยอะในสมัยซาฟาวิด

บรรยากาศภายในสถานบูชา
สวยดีครับ สิ่งปลูกสร้างในสมัยซาฟาวิดชอบใช้สีน้ำเงินครับ blue is the new black ยุคนั้น
สถาปัตยกรรมแบบนี้เรียกว่ามูการ์นัส (Muqarnas) ครับ ลักษณะคล้ายรวงผึ้ง ใช้เยอะในพวกทางเข้าหรือซุ้มโค้งต่าง ๆ
ตรงนี้เหมือนจะเป็นหลุมฝังศพครับ
บรรยากาศภายนอก สวยดีครับ
มีพรมเปอร์เซียใหญ่มากครับ ลืมแล้วว่าประวัติคืออะไร
และก็มีอักษรแกะสลัก ไม่แน่ใจว่ายุคไหนเหมือนกันครับ
ฮาคานบอกถ่ายรูปให้หน่อย

เดินทางต่อ

จากนั้นเราก็มุ่งหน้ากันต่อไปยังเมืองทาบริซครับ ชมวิวข้างทางไปเรื่อย เพลิน ๆ ดีครับ

น้องแถวนั้น
ผมว่าถนนช่วงนี้สวยมากครับ ทุ่งข้าวสาลีไปยาว ๆ
เหลืองอร่าม
บางช่วงก็มองเห็นภูเขา ยังมีหิมะอยู่เลยครับขนาดฤดูร้อน

ภูเขาอะลาดักลาร์ (Aladaglar Mountains)

ระหว่างทางเราจะผ่านภูเขาอะลาดักลาร์ (Aladaglar Mountains) ซึ่งเป็นภูเขาหลากสี เกิดจากอะไรจำไม่ได้แล้วครับ แต่เหมือนจะเป็นแบบนี้มาเป็นล้านปีแล้วนะครับ สวยดีครับ

ภูเขาอะลาดักลาร์ (Aladaglar Mountains)
ภูเขาอะลาดักลาร์ (Aladaglar Mountains) อีกภาพครับ
หมอเต้ได้ช็อตเท่อีกแล้ว 😆
บรรยากาศรถบัสที่อยู่กับเราตลอดทริปครับ และชาวคณะผู้ร่วมทริป

คานโดวาน

และแล้วก็มาถึงจุดหมายปลายทางของวันคือคานโดวาน เป็นหมู่บ้านบนเขาที่สร้างขึ้นด้วยการเจาะเข้าไปในผนังถ้ำจนเป็นห้องครับ ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว มีทั้งแบบ homestay ให้เราไปพักกับชาวบ้านแถวนั้น และแบบซื้อต่อจากชาวบ้านมาทำเป็นโรงแรม โรงแรมที่เราพักวันนี้ก็เช่นกันครับ เหมือนจะชื่อว่า Kandovan Laleh International Rocky Hotel เราเข้าไปที่โรงแรมเก็บของก่อน

ข้อเสียของโรงแรมคือต้องขนกระเป๋าขึ้นสูงเหมือนกันกว่าจะถึงห้อง ทางผู้จัดทัวร์ให้แยกกระเป๋าเป็นกระเป๋าเล็กเพื่อขนขึ้นไปง่ายครับ
พนักงานที่โรงแรม ขอให้ถ่ายรูปให้หน่อย
น้องตี้ หนึ่งในผู้ร่วมทริป ขณะกำลังขึ้นไปที่ห้อง
บรรยากาศแต่ละห้องก็จะเป็นประมาณนี้แหละครับ เจาะเข้าไปในถ้ำเลย
บรรยากาศในห้องพัก ข้อเสียคือร้อนไปนิด (แต่ไม่มากนะครับ) ข้างในมี 2 ห้องย่อย แต่มีพัดลมเดียว ข้อเสียอื่น ๆ คือแมลงเยอะ และเน็ตทะลุถ้ำเข้าไปไม่ได้ แต่โดยรวมก็เป็นประสบการณ์ที่ unique ดีครับ
เตียงนอน
บรรยากาศห้องอาหาร

เก็บของเสร็จ เราก็เดินเข้าไปในเมืองเพื่อไปชมวิว

ชาวอิหร่านโบกมือทักทาย
บรรยากาศในเมืองก็จะเป็นประมาณนี้แหละครับ
เดินทางไปจนถึงจุดชมวิว จะเห็นบ้านหลาย ๆ หลังที่เจาะเข้าไปในถ้ำเลย เห็นเขาบอกว่าเหมือนคัปปาโดเกียที่ตุรกี ผมยังไม่เคยไปเหมือนกันครับ
บรรยากาศเมืองคานโดวาน จากจุดชมวิว
ปิดท้ายด้วยบรรยากาศเมืองคานโดวาน จากจุดชมวิว

ก็จบลงแล้วครับสำหรับ PART แรก ไว้มาต่อ PART ถัดไปกันครับ (Part 2, Part 3)

สำหรับผู้ที่สนใจทัวร์ ลองดูรายละเอียดในเว็บต่อไปนี้นะครับ

  • Wild Chronicles ทัวร์ไทยที่ผมใช้
  • Travelopersia เป็น local tour ที่ฝั่งอิหร่าน (คุณฮาคาน) อันนี้ถ้าอยากคุยกับเขา อยากจัด private tour เล็ก ๆ ของตัวเอง หลังไมค์มาได้ครับ

Comments

  1. ขอบคุณที่ช่วยเขียนและลงรูปให้นะคะ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *