เที่ยวอิหร่าน 12 วัน PART 2: ทาบริซ เตหะราน

หลังจาก PART 1 ก็มาต่อกันที่ PART 2 ครับ ผมอยู่กับคณะทัวร์ของ Wild Chronicles อีกสองวันที่ทาบริซและเตหะราน หลังจากนั้นก็เที่ยวต่อเองคนเดียวในโซนอิหร่านคลาสสิคครับ โดยในขณะที่อยู่สนามบินทาบริซขณะกำลังจะขึ้นเครื่องบินไปเตหะรานก็เกิดปัญหาเล็กน้อย แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดีครับ

2 ส.ค. 66 ทาบริซ

เราออกจากคานโดวานกันสาย ๆ จากนั้นเดินทางเข้าไปที่ทาบริซ ใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่งก็ถึงครับ ทาบริซเป็นเมืองใหญ่อันดับ 6 ของประเทศในแง่ประชากร แต่เป็นศูนย์กลางของอิหร่านในภาคตะวันตกเฉียงเหนือ เป็นเมืองเก่าแก่ตั้งแต่ยุคเส้นทางสายไหม ในบันทึกของมาร์โค โปโลเองก็มีกล่าวถึงเมืองนี้ ทาบริซเคยเป็นเมืองหลวงในบางยุคสมัย เช่นในสมัยซาฟาวิด และเนื่องจากอยู่บริเวณเทือกเขาคอเคซัสซึ่งใกล้กับพรมแดนรัสเซียและตุรกี บางช่วงก็เคยตกเป็นของออตโตมัน หรือในช่วงสงครามช่วงปี 1800s ก็เคยตกเป็นของรัสเซียอยู่เหมือนกัน

ทิวทัศน์ระหว่างทาง ท่านนี้น่าจะเป็นชาวนา
อิหร่านเป็นประเทศที่เรียบมากครับ เวลาเดินทางมองไปคือมักเห็นแผ่นดินเรียบ ๆ กว้างใหญ่
ระหว่างที่รถบัสจอดทำอะไรซักอย่าง ท่านนี้ก็ขึ้นมาร้องเพลง แต่บนรถก็ไม่ได้มีคนให้เงินเท่าไหร่

Tabriz Grand Bazaar

เราไปถึงที่ bazaar ประมาณเที่ยง ทางคณะทัวร์ก็แยกย้ายกันเดินเล่นในตลาดก่อน จากนั้นนัดพบกันที่ร้านอาหารราวบ่ายโมงครึ่ง ตอนแรกผมก็แปลกใจว่าทำไมกินข้าวแถว ๆ บ่ายสองทุกวันเลย สรุปดูเหมือนจะเป็นเวลากินข้าวประจำของคนที่นี่ครับ เขากินกันราว ๆ นั้น

Tabriz Grand Bazaar นี้เป็นตลาดที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของอิหร่านครับ อยู่คู่กับเมืองทาบริซมานานตั้งแต่ยุคโบราณ องค์การยูเนสโกยกให้ตลาดนี้เป็นมรดกโลกในปี 2010

กลุ่มแท็กซี่หน้าตลาด grand bazaar
พ่อค้าที่ตลาด
บรรยากาศในตลาด มีคนชวนให้กินนั่นกินนี่อยู่ประปราย
ผมไม่รู้จักหรอกครับว่าของที่ขายส่วนใหญ่คืออะไร แต่ก็มีสีสันดีครับ
ร้านแบ่งผงซักฟอกขาย ไม่เคยเห็นแบบนี้ที่ไทยเหมือนกันครับ (อย่างน้อย ๆ ก็ในเมือง)
ตลาดมีของทุกประเภทนะครับ จริง ๆ ก็ให้ความรู้สึกคล้าย ๆ เดินจตุจักรบ้านเรา
เจอกลุ่มนี้โพสท่าให้ถ่าย พอถ่ายเสร็จเขาก็มาขอถ่ายรูปด้วย 😆
เดินเล่นชิล ๆ ดีครับ
บรรยากาศในตลาด
โซนขายเสื้อผ้า
โซนขายทองและอัญมณี
ร้านนี้ขายข้าวหลาย ๆ ชนิด และก็ธัญพืชต่าง ๆ
น้องแมวหน้ามัสยิด
เหมือนจะเป็นมัสยิด ผมมาที่นี่สองรอบ ไม่ได้มาเองนะครับ เขาจูงมือมา 😆 คือเดิน ๆ อยู่ก็มีชาวอิหร่านมาพูด ๆ อะไรซักอย่าง แล้วเขาก็บอกให้ตามเขาไป สรุปว่าพามามัสยิดนี้ ออกไปแล้ว ไปเจออีกคน ก็พากลับมาที่นี่อีก 😆 เขาคงอยากให้เราได้มา
เจอท่านนี้อยู่ในมัสยิดดังกล่าว ขอถ่ายรูปเขามา
นั่งพักอยู่สวนแถวนั้นข้าง ๆ สองท่านนี้ เลยขอถ่ายรูปมา
ถ่ายชาวบ้านแถวนั้น
ร้านพรมเปอร์เซีย

พิพิธภัณฑ์อาเซอร์ไบจาน (Azerbaijan museum)

เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมสิ่งต่าง ๆ ที่ค้นพบในแถบนี้ เนื่องจากพื้นที่แถบนี้อยู่มานาน ของที่ค้นพบเลยมาจากยุคสมัยต่าง ๆ

ประตูทางเข้าพิพิธภัณฑ์
ผมลืมแล้วว่าคืออะไร
ศิลาจารึกตั้งแต่สมัยจักรวรรดิอะคีเมนิด (ยุคเปอร์เซียบุกกรีก)
โครงกระดูกตั้งแต่ยุคเหล็ก ไกด์บอกมีการฝังกระดูกพร้อม ๆ กับสิ่งของเครื่องใช้ (ถ้าผมจำไม่ผิด)
ผมเข้าใจว่าอันนี้คือชิ้นส่วนที่หลุดมาจาก Blue mosque ตอนแผ่นดินไหว แต่ไกด์บอกไม่ใช่ สรุปเลยไม่รู้ว่าคืออะไร

.

มัสยิดสีน้ำเงิน (Blue Mosque หรือ Masjed-e Kabūd)

มัสยิดสำคัญของเมือง แต่ไม่ได้เก่ามากนะครับ สร้างราว ๆ 1400s ตอนที่ทาบริซตกเป็นของออตโตมัน เห็นบอกว่าพรมหายไปหลายผืน หลังจากนั้นก็มีแผ่นดินไหวหลายครั้ง ครั้งที่หนักที่สุดคือปีค.ศ. 1780 ทำลายแทบจะทั้งหมดเลยเหลือแค่ส่วนทางเข้าหรือที่เรียกว่า อีวาน (Iwan) ซึ่งมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมที่เปิดด้านหน้าและมีซุ้มโค้ง จะเห็นสถาปัตยกรรมแบบนี้ค่อนข้างเยอะในศิลปะอิสลาม

หลังจากนั้นมัสยิดก็ถูกปล่อยทิ้งร้าง คนก็เข้ามาขโมยของหลายครั้ง จนในราชวงศ์ปาห์ลาวีจึงบูรณะและสร้างต่อให้เป็นมัสยิดเหมือนเดิม

มัสยิดสีน้ำเงิน
ทางเข้า (Iwan) ที่เหลืออยู่ของมัสยิด
ภายในอาคาร จะเห็นร่องรอยของมัสยิดเดิม และสิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อบูรณะ
ซากของมัสยิดเดิมที่พังลงมาจากแผ่นดินไหว
บรรยากาศภายในมัสยิด สวยดีอยู่ครับ
บรรยากาศภายนอก ส่วนนี้น่าจะสร้างใหม่ เพราะดูยังใหม่ ๆ อยู่เลย

Shah Goli Park

หลังจากนั้นเราก็ไปพักผ่อนกันที่สวนสาธารณะประจำเมือง อันนี้ก็ไม่มีอะไรครับ เดินเล่นชมบรรยากาศ

สระตรงกลางสวน
มีน้ำพุด้วยตรงกลางสระ
สองท่านนี้ขอให้ถ่ายรูปให้หน่อยและส่งให้
ม้านั่งแบบมีเพื่อนนั่ง

หลังจากนั้นเราก็ไปทานข้าวเย็นกันก่อนไปที่สนามบิน

ผมลืมชื่อร้านแล้ว แต่ร้านสวยดีครับ อาหารก็อร่อย เป็นโรงแรม
บรรยากาศเมืองทาบริซ ระหว่างทางไปสนามบิน

Tabriz Incident

เรามาถึงที่สนามบินทาบริซ เพื่อเดินทางต่อไปที่เตะหานครับ แต่ขณะที่อยู่ที่สนามบินผมเกิดเรื่องนิดหน่อยครับ ตอนนั้นผมก็ผ่านขั้นตอนการเช็คอินการตรวจ security อะไรตามปกติ จนไปถึงหน้าเกทรอขึ้นเครื่องครับ โซนที่เป็นม้านั่ง

เท่าที่ผมไปสนามบินมา ปกติสนามบินจะไม่ให้ถ่ายช่วงตรวจ security แต่พอผ่านมาแล้วก็ให้ถ่ายได้ หลายแห่งตกแต่งสวยงามให้ถ่ายด้วยซ้ำไปครับ ที่ทาบริซเองบริเวณนี้ก็ไม่ได้มีป้ายห้ามถ่ายอะไร และคนก็หยิบมือถือมาถ่ายกันประปราย พอไปถึงตรงหน้าเกท ผมก็หยิบกล้องมาถ่ายบ้าง แต่ถ่ายเป็นวิดีโอก็เลยมีแพนกล้องไปมา

แป๊ปเดียวมีพนักงานรักษาความปลอดภัยเดินมาโวยวาย ๆ ฟังไม่ออกแต่เข้าใจว่าจะสื่อว่าห้ามถ่าย แล้วเขาก็ให้ตามเขาไปที่อีกห้องหนึ่ง ในใจตอนนั้นคือคิดว่าเอาแล้ว จะติดคุกมั้ยว้า 😆 ก็เลยหันไปเรียกไกด์ท้องถิ่นให้มาช่วย ไกด์ก็ช่วยเจรจาให้ จนเดินไปที่อีกห้องนึง เขาก็เรียกหัวหน้าเขาให้มาคุยด้วย คุยกันอยู่ซักพัก ถามว่าเป็นใคร ถ่ายไปทำไม ทำไมต้องถ่ายวิดีโอ ขอดูรูปทั้งหมดที่ถ่าย ฯลฯ สุดท้ายก็ยอมปล่อยตัว โดยให้ลบรูปทั้งหมดที่ถ่ายที่สนามบิน (นับว่ายังดี นึกว่าจะโดนยึดกล้องยึดเมม) และไม่ให้ถ่ายอะไรอีกที่สนามบิน

ก็ได้กลับไปรอขึ้นเครื่อง จนเดินทางมาถึงเตหะรานได้ครับ (สุดท้ายก็มาถึงไทยได้ แสดงว่าน่าจะไม่ได้โดนขึ้น black list อะไร) เป็นการโดนแบบงง ๆ คือถ้ามีป้ายบอกก็อาจจะเข้าใจได้ว่าผิดจริง อันนี้ก็ไม่มีป้ายอะไร แถมคนอื่นก็ถ่ายกันเยอะแยะ เหตุผลเดียวที่นึกออกคือน่าจะเพราะผมใช้กล้องที่ดูใหญ่ อาจจะเหมือนชาติศัตรูจ้างมาล้วงความลับล่ะมั้ง 😅

อยากฝากทุกท่านที่เดินทางไปอิหร่านครับว่าระวังเรื่องการถ่ายรูปให้ดี และห้ามถ่ายรูปในสนามบินนะครับ ผมนึกไม่ออกเลยว่าถ้าไม่มีไกด์ท้องถิ่นไปด้วยจะรอดมาจากตรงนั้นยังไง

Ferdowsi Hotel

ใช้เวลาชั่วโมงนิด ๆ ก็มาถึงเตหะรานครับ พักที่ Ferdowsi International Grand Hotel ครับ บรรยากาศโอเคเลยนะครับ

Ferdowsi International Grand Hotel

3 ส.ค. 66 เตหะราน วันที่ 1

วันนี้เป็นวันที่มี heat wave ที่เตหะราน ร้อนในระดับที่เขาสั่งปิดสถานที่ราชการหลาย ๆ แห่ง โชคดีตรงที่ที่เราไปส่วนใหญ่ไม่ปิด แต่ก็ร้อนมากอยู่ดีครับ

Bagh-e Melli (National Garden)

เราเริ่มวันกันที่แวะมาดูประตูนี้ครับ เหมือนจะเป็นประตูที่สร้างขึ้นช่วงยุค 1900s เพื่อเข้าไปยังพื้นที่ทหาร แต่ต่อมากลายเป็นสวนสาธารณะและก็มีอาคารของราชการหลาย ๆ แห่งสร้างขึ้นรอบ ๆ บริเวณนี้ หนึ่งในนั้นคือกระทรวงการต่างประเทศ

ไกด์บรรยายรายละเอียดประตูอยู่ซักพัก แต่ผมจำไม่ได้แล้ว อีกอย่างคือร้อนมาก ต้องรีบกลับขึ้นรถ
น่าสนใจว่ากระเบื้องรูปปืนกลายมาอยู่หน้ากระทรวงการต่างประเทศ
ข้างหลังประตูเป็นประมาณนี้ครับ แต่เราไม่ได้เข้าไป

พระราชวังโกเลสตาน (Golestan Palace)

และก็มาถึงสถานที่ที่ทุกคนที่ไปเที่ยวเตหะรานต้องไปครับ พระราชวังนี้จริง ๆ สร้างมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1200 แล้ว แต่ตอนนั้นเป็นแค่อาคารเล็ก ๆ จนมาถึงราชวงศ์คาจาร์ (กอญัร) ได้ย้ายเมืองหลวงมาที่เตหะราน และก็เลือกเอาที่นี่เป็นพระราชวัง เลยเกิดการอัพเกรดครั้งใหญ่ กลายเป็นแบบในปัจจุบัน สมัยราชวงศ์ปาห์ลาวีได้ย้ายวังไปอยู่ที่อื่น แต่ก็ยังใช้ที่นี่เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมสำคัญเช่นพิธีขึ้นครองราชย์

สวนแบบเปอร์เซียทางเข้าไปยังอาคาร
ผมไม่แน่ใจว่าแต่ละอาคารเรียกอะไรและเคยเป็นอะไร แต่อันนี้เป็นอาคารแรก ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์
ช่วงราชวงศ์คาจาร์เป็นช่วงที่รับเอาศิลปะวิทยาการของยุโรปเข้ามา สังเกตกระเบื้องเป็นตึกแบบยุโรป
สีขาว ๆ นี้คืองาช้าง
อาคารสวยดีครับ
เหมือนจะชื่อ mirror hall ไกด์บอกกษัตริย์ชอบอยู่ห้องนี้ เพราะถ้าเปิดม่านออกไปจะเห็นสวนสวยงาม เหมาะแก่การนั่งทำงาน
อีกมุมหนึ่งของห้องดังกล่าว
Reception Hall เอาไว้รับแขก ตามทางเดินจะมีของที่ประเทศต่าง ๆ มอบให้
นาฬิกาจากราชินิวิคตอเรียของอังกฤษ
กำแพงของอาคารแถวนั้น
ประตูสวยดี
อาคารที่ใหญ่ที่สุดในวัง ชื่อว่า Edifice of the Sun เห็นในเน็ตบอกว่าสร้างมาแข่งวังอาลีคาปูที่อิสฟาฮาน ไม่ได้เข้าไปเหมือนกันครับ

Tehran Grand Bazaar

ไม่ไกลจากพระราชวังจะเป็นตลาด grand bazaar โดยรวมผมว่าไม่ได้ต่างจากที่ทาบริซหรือที่อื่น ๆ มากนัก แต่จำนวนคนนับว่ามหาศาลกว่ามาก เราอยู่ที่นี่ไม่นานก็ไปที่ต่อไป

คนเดินกันขวักไขว่เลยในตลาด
ผมออกมาเดินข้างนอกเพื่อลองไปยังจุดที่ Google Maps บอก สรุปไม่มีอะไร
บรรยากาศรอบ ๆ ตลาด
ทางเดินไปจุดที่ Google Maps บอก ค่อนข้างไกลจากที่จอดรถ รู้สึกไม่น่ามา น่าจะไปดูส่วนอื่น 😅
อาคารส่วนใหญ่มีสองชั้น บริเวณชั้นบนจะเป็นสายไฟประมาณนี้
ท่านนี้บอกให้ถ่ายรูปให้หน่อยแล้วส่งให้

หลังจากนั้นเราก็ออกจากตลาดเพื่อไปทานข้าวเที่ยงที่ร้านอาหารไทย (เจ้าของเป็นคนไทยมาเปิด) เพื่อดูว่าจะต่างจากที่ไทยอย่างไรบ้าง

กราฟิตี้ตามถนน

หอคอยอะซาดี (Azadi Tower)

หลังทานเข้าเที่ยงเราก็ไปที่หอคอยอะซาดีนี้ต่อ เป็นหอคอยใกล้ ๆ สนามบิน Mehrabad Airport ซึ่งเป็นสนามบินภายในประเทศ

หอคอยนี้สร้างโดยพระเจ้าชาห์ โมฮัมหมัด เรซา ปาห์ลาวี (กษัตริย์องค์สุดท้าย) สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลอง 2,500 ปีอาณาจักรเปอร์เซีย โดยให้เป็นหลักกิโลเมตรที่ 0 ของประเทศ สร้างเสร็จปี 1971 ตอนแรกไม่ได้ชื่อนี้ มาเปลี่ยนชื่อเป็น Azadi ซึ่งแปลว่า freedom หลังการปฏิวัติอิสลาม

เป็นหอคอยที่สวยดีครับ ดู futuristic แต่ก็ผสมความคลาสสิค อาคารแบบนี้มักเจอตามเกม sci-fi ที่มีตีมอดีต 😆
ด้านหน้าของหอคอย
ด้านบน ไม่รู้ว่าขึ้นไปได้ไหมเหมือนกันครับ เท่าที่ทราบคือข้างล่างเป็นพิพิธภัณฑ์
หอคอยอะซาดี
ด้านล่างของหอคอย
แอบถ่ายท่านนี้หลับอยู่บนถนน

ทะเลสาบชิตการ์ (Chitgar Lake)

ก่อนหมดวันเราไปที่ทะเลสาบชิตการ์ ไกด์บอกว่าเขตนี้เป็นเขตเมืองใหม่ที่เพิ่งสร้าง รัฐบาลพยายามผลักดันให้คนออกจากเตหะรานมาอยู่แถวนี้ มีตึกใหม่กำลังสร้างเยอะเลยครับ

ตึกบริเวณรอบ ๆ ทะเลสาบ
มีห้างสรรพสินค้ารอบ ๆ ทะเลสาบ ผมสังเกตดูไม่ค่อยมีแบรนด์ตะวันตกมากนัก น่าจะเพราะการบอยคอต
เหนื่อยมาทั้งวัน เลยไม่ได้เดินเท่าไหร่ นั่งจิบม็อคเทล ผมคิดว่าถ้าประเทศนี้ขายแอลกอฮอล์ได้อย่างโจ้งแจ้งนี่น่าจะมีอะไรสนุก ๆ เยอะครับ
เดินมาถึงรอบ ๆ ทะเลสาบ สังเกตตึกสูงมากมาย
เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวเมือง พอดีช่วงสี่โมงเย็นร้อนมาก คนเลยไม่ค่อยเยอะ ถ้าอากาศดี ๆ หน่อยตรงนี้น่าจะน่าอยู่มาก

หลังจากนั้นเพื่อนคณะทัวร์ก็เดินทางไปที่สนามบินเพื่อเดินทางกลับไทย ส่วนผมเดินทางกลับโรงแรมเพื่อรอไปเที่ยวต่อครับ

4 ส.ค. 66 เตหะราน วันที่ 2

วันนี้ไม่มีอะไรมาก ฮาคาน (ไกด์ท้องถิ่น) พาผมเที่ยวสองคน ได้มีโอกาสเดินทางในเมืองแบบคนท้องถิ่นจริง ๆ นับว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีครับ

เราเริ่มต้นด้วยการขึ้นรถไฟฟ้าจากแถวโรงแรม ขนาดโดนบอยคอตมา 40 ปียังมีรถไฟฟ้าที่ครอบคลุมกว่าไทยครับ

Tajrish Bazaar

ที่แรกที่เราไปคือที่ Tajrish bazaar นี้ อันนี้ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจความสำคัญเหมือนกันครับ เขาแนะนำให้มาก็มา 😆

บรรยากาศในตลาด ก็เหมือนตลาดอื่น ๆ
บรรยากาศที่ Tajrish bazaar
บรรยากาศที่ Tajrish bazaar

Emamzadeh Saleh Shrine

ใกล้ ๆ กันจะมี shrine นี้ (ศาสนสถานที่เป็นหลุมฝังศพด้วย) เป็นหลุมฝังศพของบุคคลสำคัญหลาย ๆ ท่าน

ปกติไม่ได้สีนี้นะครับ ผ้าดำที่มีตัวอักษรแดงเป็นสัญลักษณ์ของพิธีกรรมบางอย่างในช่วงนี้ ไปที่ไหนในอิหร่านก็เจอหมดเลยครับ
ภายในศาสนสถาน

Darband village

เราเดินทางต่อด้วยแท็กซี่ (จริง ๆ คือแอพเรียกรถที่คนอิหร่านนิยมใช้กันมาก ผมลืมชื่อ) ไปที่หมู่บ้าน Darband นี้ ไกด์บอกว่าเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่ชาวเตหะรานนิยมไปกัน เพราะอยู่บนเขาขึ้นมาหน่อย อากาศดี ผมไปถึงก็พบว่าจริงอยู่ อากาศจะเย็นกว่าที่ตัวเมืองเล็กน้อย

ทางเข้าหมู่บ้าน
ชาวอิหร่านดูจะชอบการไปตั้งร้านต่าง ๆ ตามทางขึ้นเขา ลักษณะแบบนี้เหมือนที่ปราสาทรุดข่านในตอนที่แล้ว ที่นี่ก็มีร้านแบบนี้เยอะมากตลอดทางขึ้น
เมนูทำจากไข่ แต่ไม่เหมือนไข่กะทะบ้านเราเสียทีเดียว
ชาวเมืองก็มานั่งชิลแบบนี้กันเยอะพอสมควร
ชาวอิหร่านชอบปิคนิคมาก
ไกด์บอกอันนี้อาหารพื้นเมืองของอิหร่าน ไม่ได้ลองเหมือนกันครับ

The Den of Espionage – อดีตสถานทูตอเมริกา

ช่วงที่เกิดเหตุปฏิวัติอิสลามเมื่อปีค.ศ.1979 เกิดเหตุการณ์บุกยึดสถานทูตอเมริกาในอิหร่านและจับพนักงานที่นั่นเป็นตัวประกัน หากใครเคยดูหนัง Argo อาจคุ้น ๆ หลังจากนั้นอเมริกาก็ตัดความสัมพันธ์กับอิหร่านมาจนถึงทุกวันนี้ ส่วนสถานทูตปัจจุบันก็กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ไป

ภายในอาคารไม่อนุญาตให้ถ่ายวิดีโอ แต่ถ่ายภาพมาได้ครับ ถ่ายภาพมาเหมือนไม่มีอะไร แต่จริง ๆ มีห้องลับ มีกำแพงหนา มีเครื่องมือจัดการด้านข้อมูล (สมัยนั้น) พอสมควรเหมือนกันครับ เราไม่สามารถทราบได้ว่าสิ่งต่าง ๆ ที่รัฐบาลอเมริกาทำในนี้เป็นของจริงหรือเป็นสิ่งที่อิหร่านสร้างขึ้น (แต่ส่วนตัวผมค่อนข้างเชื่อว่าจริง 😆) แต่อิหร่านเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของอเมริกาในสมัยก่อน เหมือนตั้งใจจะให้เป็นศูนย์กลางการสอดแนมทั้งภูมิภาคนี้ เชื่อว่าน่าจะมีแบบนี้ในอีกหลาย ๆ ประเทศ ถ้าใครชอบเรื่องการเมืองระหว่างประเทศน่าจะชอบที่นี่ครับ

ภาพกราฟฟิตี้บริเวณกำแพงสถานทูน ส่วนใหญ่เนื้อหาก็ดูเหมือนจะด่า ๆ อเมริกา
ทางเข้าอดีตสถานทูต
ห้องสุญญากาศเอาไว้สนทนาให้ไม่สามารถดักฟังได้
ห้องทำงานภายในสถานทูต
เอกสารลับต่าง ๆ
จำลองการทำลายเอกสารช่วงบุกเข้าสถานทูต
เหมือนเป็นพวกอุปกรณ์เข้ารหัสส่งข้อมูลไปที่อเมริกา
เครื่องทำลายเอกสาร
ใกล้ ๆ กันจะเป็น art garden เป็นสวนที่มีรูปปั้นของศิลปินที่มีชื่อเสียงของอิหร่านมากมาย

สะพานแห่งธรรมชาติ (Tabiat Bridge – The bridge of nature)

เป็นสะพานคนเดินที่เชื่อมสวนสาธารณะสองแห่ง โดยเป็นสะพานข้ามถนน highway ใหญ่

เป็นสะพานสามชั้น ชั้นบนและชั้นกลางเดินได้ โดยมีที่นั่งระหว่างทางให้ชมวิว และชั้นล่างเป็นร้านอาหาร
บรรยากาศดีครับ ผมมาบ่ายแก่ ๆ ร้อนไปนิด แต่ช่วงเย็น ๆ น่าจะเหมาะมาเดินชิล
วิวจากบนสะพาน
วิวมองไปอีกทาง เห็นเทือกเขาแอลโบร์ซ
ทางเดินบนสะพานก็จะเป็นประมาณนี้ครับ
สวนสาธารณะที่อีกฝั่งของสะพาน

หลังจากนั้นผมว่าจะไปพิพิธภัณฑ์สงคราม เสียดายปิดเนื่องจาก heat wave ก็เลยกลับโรงแรมเก็บของ แล้วก็ไปดูไกด์เตะบอล 55 สัมผัสชีวิตแบบคนโลคอล จากนั้นเดินทางต่อไปสนามบินครับ

มาถึงสนามบิน ไม่กล้าถ่ายรูปเลย แล้วก็ขึ้นเครื่องบินต่อไปที่ชิราซ

Elysee Hotel Shiraz

ใช้เวลาเดินทางชั่วโมงกว่า ๆ มาถึงชีราซ เจอกับไกด์อีกคนที่มารอรับ แล้วก็เดินทางเข้าโรงแรมครับ โรงแรมนี้โอเคเลยนะครับ ผมว่าพวกเมืองแบบเตหะราน ชีราซ อิสฟาฮาน พวกนี้นักท่องเที่ยวเยอะ โรงแรมจะค่อนข้างดี

บรรยากาศโรงแรม Elysee Hotel Shiraz

ก็จบลงแล้วครับสำหรับ PART ที่สอง ไว้มาต่อ PART สุดท้ายกันครับ

สำหรับผู้ที่สนใจทัวร์ ลองดูรายละเอียดในเว็บต่อไปนี้นะครับ

  • Wild Chronicles ทัวร์ไทยที่ผมใช้
  • Travelopersia เป็น local tour ที่ฝั่งอิหร่าน (คุณฮาคาน) อันนี้ถ้าอยากคุยกับเขา อยากจัด private tour เล็ก ๆ ของตัวเอง หลังไมค์มาได้ครับ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *