หลังจากตอนที่แล้วที่ผมเที่ยวในปิซ่า วันต่อมา 22 ก.ย. เราก็เดินทางต่อไปยัง La Spezia ครับ เราจะพักที่นี่ในคืนนี้ ดังนั้นจึงแวะเช็คอินที่โรงแรม เก็บของกินข้าวให้เรียบร้อย จากนั้นก็เดินทางไปยังชิงเคว เทเร (Cinque Terre -CT) วันต่อมาเกือบทั้งวันจะหมดกับการเดินทางไปยังเวนิส เราค้างที่เวนิส 2 คืนจึงเดินทางต่อไปยังมิลาน เที่ยวทะเลสาบโคโม 1 วัน และตัวเมืองมิลานอีก 1 วัน ก็เป็นอันจบทริปอิตาลีนี้ครับ
ความคิดเห็นต่อทริปโดยรวม
- ผมว่าผมพลาดพอควรที่ไปจาก CT-เวนิส-มิลาน จริง ๆ ควรจะเป็น CT-มิลาน แล้วจบที่เวนิสมากกว่า อันนี้เลยเสียเวลาไปเยอะเหมือนกันกับการเดินทางไปกลับเวนิส ตอนนั้นคือกลัวว่าจะไม่มีเที่ยวบินดี ๆ จากเวนิสไงฮะ เพราะรู้สึกว่ามิลานใหญ่กว่า
- ผมรู้สึกว่าผมใช้เวลาที่ CT น้อยไป รู้สึกว่าหลาย ๆ เมืองในนั้นก็สวยดีครับ อยากมาเดินเล่นชิล ๆ ซักวัน ส่วน La Spezia เองก็เป็นเมืองเล็ก ๆ ค่าครองชีพไม่แพง อยากมาชิลเล่นนานกว่านี้สักหน่อยเช่นกัน
- เวนิสก็เป็นเมืองที่ผมชอบมากเช่นกัน คือมันสวยน่ะครับ เดินเล่นชิล ๆ ริมคลองชมเมืองไปด้วยก็ฟินแล้ว อยากอยู่นานกว่านี้เช่นกัน ทริปนี้พวกผมไปเกาะบูราโนด้วยครับ แม้จะไกลแต่ผมว่าคุ้มค่านะ ตึกสีสันจัดจ้านสวยดี นั่งเรือชมวิวเล่นก็ชิลดี
- ทะเลสาบโคโมนี่เด็ดมาก ๆ ครับ น่าจะเป็นที่ที่ผมชอบอันดับต้น ๆ ของทริปอิตาลีนี้ทั้งทริปเลย เสียดายไปเกาะที่ใช้ถ่ายเจมส์บอนด์ไม่ทัน
- มิลานนี่ผมก็ชอบเช่นกัน จริง ๆ เป็นเมืองที่ไม่ค่อยมีอะไรให้เที่ยวนะ แต่ตึกรามบ้านช่องดูทันสมัย ผมว่าเมืองแบบนี้แหละที่คนอยู่จริง เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจจริง ๆ ก็อยากอยู่ให้นานกว่านี้เช่นกัน
ทิปเล็กทิปน้อย
- ที่ CT พวกผมไม่ได้พักในตัวเมือง CT แต่พักที่ La Spezia แทน ข้อดีคือราคาถูกกว่า ระยะเวลาในการเดินทางจาก La Spezia ไปยัง CT ก็แค่ราวครึ่งชม. รถไฟยังมีถึงดึก ๆ เลย ท่านใดอยากดื่มด่ำ CT ยามค่ำมืดก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าพักในตัว CT เลยก็คงเป็นบรรยากาศที่ดีไปอีกแบบครับ แล้วแต่คนชอบ
- ที่ CT พวกผมซื้อเป็น Cinque Terre Card เลย ขึ้นรถไฟกี่เที่ยวก็ได้ใน 1 วัน ข้อเสียคือเขานับเป็นวันตามปฏิทิน ก็คือเที่ยงคืนก็หมดเลย ไม่ใช่นับเป็นชั่วโมง แต่ผมว่าถ้าไปซัก 2-3 เมืองยังไงก็คุ้มกว่าซื้อเป็นเที่ยวครับ
- การเดินทางจาก CT ไปเวนิส (หรือมิลานก็ตาม) จริง ๆ ผมว่าไม่ต้องจองตั๋วรถไฟล่วงหน้าก็ได้ ไปซื้อเอาที่สถานีเลย ยังไงเราก็ต้องกลับจาก La Spezia ไปฟลอเรนซ์ก่อนจึงจะไปเวนิสได้ ซึ่งพวกนี้เป็น regional train แค่จากฟลอเรนซ์ไปเวนิสถึงจะเป็นรถไฟความเร็วสูง
- ที่เวนิส ระบบ Pass ของเขาเป็น Venezia Unica pass ซักอย่าง ซึ่ง customize ได้ว่าเราจะเอาอะไรบ้าง ซึ่งส่วนตัวผมว่างงมาก ๆ ครับ แต่ก็เลือก St. Mark’s Square Museums (ใช้เข้าพระราชวังโดเจ) และโรงโอเปร่า the Teatro La Fenice ซื้อมาราคา 30 ยูโร ไม่ได้ถูกมากแต่ก็ดีในแง่ไม่ต้องต่อคิว
- เรื่องที่พักในเวนิส เข้าไปดูในพันทิปจะแนะนำให้พักบนเกาะกันมาก เพราะจะได้ตื่นมาชมเวนิสในยามเช้าที่แสนสงบ ผมเลยทำตาม แต่ปรากฏว่าไม่ตื่น เลยรู้สึกว่าน่าจะเลือกพักนอกเกาะ
- ส่วนการเข้า Saint Mark’s Basilica นั้นฟรีอยู่แล้ว แต่เนื่องจากไม่อยากต่อคิว เลยซื้อเป็น Skip the Line ของ Veneto Inside ครับ
- Public transport ในเวนิส ผมซื้อแบบ 24 ชม. แค่วันเดียวที่ใช้เอาของไปเก็บโรงแรม, ไปกลับเกาะบูราโน, แล้วก็ไปสะพานริอัลโต ก็คุ้มแล้วแหละครับ ที่เหลือเดินเอา แต่เวนิสเป็นเมืองที่เดินสนุก ก็ไม่รู้สึกว่าไกลครับ
- ทะเลสาบโคโม ถ้าจะไป Villa del Balbianello ให้รีบไปครับ เพราะปิดเร็วครับ ที่เหลือออกแนวชมเมืองชมทะเลสาบซึ่งทำเมื่อไหร่ก็ได้ เราซื้อเป็น day pass ขึ้นเรือเท่าไหร่ก็ได้ครับ ผมรู้สึกตารางการเดินเรือระหว่างเกาะมีความงงพอสมควร เพราะมันมีเรือหลายประเภท เรือใหญ่เรือเล็ก ถ้างงก็ถามเจ้าหน้าที่แถวนั้นครับ บางทีเราหาไม่เจอว่ามีเส้นทางที่เราต้องการหรือเปล่า ไม่ได้แปลว่ามันไม่มี เช่น จากเบลลาจิโอไปเลนโน มีเรือนะครับ
- มิลาน จริง ๆ ก็มี pass แต่พวกผมไม่ได้ซื้อครับ เพราะสถานที่ที่อยากไปก็เป็นกลางแจ้งเสียมากกว่า แต่ถ้าท่านใดสนใจก็ลองดูได้ครับที่ Milan City Pass
.
รีวิวที่พัก
ที่ La Spezia พวกผมพักกันที่ My way, La Spezia ในแง่ทำเลก็โอเคครับ ห่างจาก Central station ราว 600 เมตร เจ้าของค่อนข้างไนซ์ ห้องพักก็สวยดีครับ ทุกอย่างดีหมด มีข้อเสียเล็กน้อยตรงอาหารเช้าที่เขาจะให้คูปองเราไปกินร้านขนมปังใกล้ ๆ ซึ่งให้น้อยและไม่อิ่ม
ที่เวนิสพวกผมพักที่ B&B Ca Del Tentor ครับ ค่อนข้างแพงทีเดียวคืนละ 5,000 กว่าบาท ในแง่ทำเลก็โออยู่ครับ 800 เมตร แต่ลากกระเป๋าหนัก ๆ ก็แอบไกล ถ้าขึ้นเรือเอาก็ไม่ไกลเท่าไหร่ ห้องที่ผมได้นั้นห้องพักกับห้องน้ำแยกกัน ทำให้เวลาเราจะเข้าห้องน้ำเราต้องเดินออกมา ก็ไม่ค่อยสะดวก ส่วนอาหารเช้าดีอยู่ครับ
ที่มิลานพวกผมพักที่ B&B Hotel Milano Central Station ครับ ทำเลโอเค 550 เมตรจาก Central station เรื่องคุณภาพห้องก็ประมาณโรงแรมสามดาวทั่ว ๆ ไปครับ อาหารเช้าก็บุฟเฟ่ต์ขนมปังแฮมธรรมดา สรุปโดยรวมก็โอเคครับ
.
22 ก.ย. 61: La Spezia, Cinque Terre
คำว่าชิงเคว เทเร (Cinque Terre) แปลว่า Five Lands หมายถึงเมือง 5 เมืองที่ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งทะเลลิกูเรียนทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ เมืองทั้ง 5 เรียงตามลำดับตามทางรถไฟ ประกอบด้วย Riomaggiore, Manarola, Corniglia, Vernazza, และ Monterosso
ทริปนี้พวกผมเดินทางออกจากปิซ่าในตอนสาย ๆ และมาถึง La Spezia กว่าจะเก็บของกินข้าว ซื้อ CT pass ก็ปาเข้าไปบ่ายแก่ ๆ ก็เลยไม่ได้เที่ยวอะไรมากครับ โดยเราเริ่มจากไปดูชายหาดที่ Monterosso (หาดยาวที่สุดแล้วใน CT) จากนั้นไป Riomaggiore และจบที่ Manarola ซึ่งเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่ฮิตที่สุด ทั้งทริปนี้เนื่องจากเวลาจำกัด เราเลยได้แค่เดินเล่นบริเวณริมฝั่ง ไม่ได้เข้าไปในตัวเมืองอะไรครับ
.
Monterosso




.
Riomaggiore







.
Manarola
ปิดท้ายวันด้วยการไปชมพระอาทิตย์ตกที่ Manarola






ประมาณ 2 ทุ่มกว่า ๆ เราก็เดินทางกลับไปยัง La Spezia แวะกินข้าวพักผ่อนเพื่อเตรียมเดินทางไปยังเวนิสต่อไปครับ
.
23 ก.ย. 61: เกาะบูราโน เวนิส
วันนี้ทั้งวันเกือบจะหมดไปกับการเดินทางระหว่าง La Spezia ไปยังเวนิสครับ เราออกจาก La Spezia 10 โมงเช้า ไปถึงเวนิสบ่ายสาม กว่าจะเข้าโรงแรมกว่าจะพักกินข้าวก็บ่ายแก่ ๆ แล้ว วันนี้ก็เลยไปแค่เกาะบูราโนครับ
เกาะบูราโนเป็นเกาะที่โด่งดังเรื่องบ้านสีสันฉูดฉาด สาเหตุเนื่องจากเกาะนี้เป็นหมู่บ้านชาวประมง เขาจึงต้องการจะมองเห็นบ้านของตนเองได้จากที่ไกล ๆ ภายนอกฝั่ง การเดินทางไปเกาะบูราโนใช้เวลาประมาณเที่ยวละ 1 ชม. นั่งชมวิวทะเลเพลินเลยครับ ค่าโดยสารรวมอยู่ในบัตรโดยสาร 24 ชม.อยู่แล้ว
.






กว่าจะกลับจากเกาะก็ค่ำแล้ว หาร้านอาหารกินแล้วก็กลับโรงแรมพักผ่อนครับ
.
24 ก.ย. 61: ตัวเมืองเวนิส
วันนี้เป็นวันที่เราเที่ยวในตัวเมืองเวนิสกันครับ จากนั้น 2 ทุ่มก็ขึ้นรถไฟไปมิลาน ที่แรกที่เราจะไปก็คือ Saint Mark’s Basilica ครับ เพราะจอง Skip the Line ไว้
.
จัตุรัสซานมาร์โค และ Saint Mark’s Basilica
เป็นจัตุรัสกลางของเวนิสที่มีสถานที่สำคัญ ๆ หลายแห่ง หนึ่งในนั้นคือ Saint Mark’s Basilica ซึ่งสร้างขึ้นเป็นที่เก็บศพของเซนต์มาร์ค ซึ่งพ่อค้าชาวเวนิส 2 คนขโมยมาตั้งแต่สมัยยุคกลาง หลังที่เห็นในปัจจุบันเป็นหลังที่สร้างขึ้นทดแทนหลังเดิมที่ถูกไฟไหม้ไปครับ ข้างในมหาวิหารนั้นไม่ให้ถ่ายรูปนะครับ





.
Caffè Florian
บริเวณฝั่งขวาของจัตุรัสเซนต์มาร์คคือ Caffè Florian เป็นร้านกาแฟเก่าแก่ตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 นับเป็นหนึ่งในร้านกาแฟที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรปที่ยังให้บริการอยู่


.
วังผู้ครองนคร (Doge’s Palace)
ในอดีตก่อนที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอิตาลี เวนิสเป็นนครอิสระที่ปกครองโดยเจ้าผู้ครองนคร หรือ โดเจ (Doge) จริง ๆ ช่วงยุคเรอเนสซองซ์นี่เวนิสเจริญรุ่งเรืองมากนะครับเพราะผูกขาดการค้าเครื่องเทศบริเวณทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ก่อนที่เนเธอร์แลนด์จะค้นพบวิธีเดินเรือข้ามแหลมกู้ดโฮปของแอฟริกา เวนิสจึงเสื่อมลงในเวลาต่อมา วังนี้ก็เป็นหลักฐานแสดงถึงความรุ่งเรืองของเวนิสในยุคอดีตครับ












.
สะพานอัคคาเดเมีย (Ponte dell’Accademia)
เวนิสนั้นเป็นเมืองที่แบ่งเป็นสองฝั่งด้วยคลองเส้นหลักที่ชื่อว่าแกรนด์คาแนล (Grand Canal) การจะข้ามแกรนด์คาแนลนี้หลัก ๆ มีอยู่ 4 สะพาน หนึ่งในนั้นก็คือสะพานอัคคาเดเมียนี่แหละครับ



.
โรงอุปรากร Teatro la Fenice
เป็นโรงอุปรากรประจำเมืองเวนิส Le Fenice อันนี้ก็คือนกฟีนิกซ์ครับ เพราะโรงอุปรากรนี้เคยไฟไหม้มาแล้วถึง 3 ครั้ง แต่ก็ยังเกิดขึ้นมาได้ใหม่ โรงอุปรากรนี้เป็นโรงละครดังที่ใช้จัดแสดงโอเปร่าหลาย ๆ เรื่องในอดีต



.
บรรยากาศภายในเมือง
เก็บภาพบรรยากาศในเมืองไปเรื่อยครับ




.
สะพานรีอัลโต (Ponte Rialto)
สะพานข้ามแกรนด์คาแนลอีกแห่งหนึ่งครับ ข้างบนสะพานก็มีร้านค้า บริเวณใกล้ ๆ กันจะเป็นตลาดรีอัลโต้ ตลาดสำคัญของเวนิส


.
Ponte degli Scalzi
อันนี้คือสะพานข้ามแกรนด์คาแนลอีกแห่งหนึ่ง จริง ๆ เป็นแห่งแรกที่เราจะเจอเมื่อลงมาจากสถานีรถไฟเลยครับ

เราออกจากเวนิสราว 2 ทุ่มไปถึงมิลานราว 5 ทุ่มเนื่องจากรถไฟดีเลย์ครับ จริง ๆ น่าจะราว 4 ทุ่มครึ่ง ดีที่จองโรงแรมไว้ใกล้สถานีรถไฟก็เลยเดินไปไม่ยากเท่าไหร่ครับ ก็เข้าโรงแรมพักผ่อนเพื่อเดินทางต่อในวันถัดไป
.
25 ก.ย. 61: ทะเลสาบโคโม
วันนี้เป็นวันที่เราใช้เวลาทั้งวันไปกับการเที่ยวรอบ ๆ ทะเลสาบโคโมครับ บริเวณนี้ก็จะมีเมืองอยู่หลาย ๆ เมือง พวกเราเริ่มกันที่เมืองวาเรนนา (Varenna) แล้วไปต่อที่เบลลาจิโอ (Bellagio) และจบที่เมืองเลนโน (Lenno) ครับ ส่วนตัวแล้วเป็นที่ที่ผมชอบมาก ๆ ในทริปนี้นะครับ ให้เกรดเดียวกันกับการล่องฟยอร์ดในนอร์เวย์เลย
.
สถานีรถไฟ Milan Centrale
คือสวยดีครับเลยถ่ายรูปมา จริง ๆ ในบรรดาเมืองที่ไปมาทั้งหมดในทริปอิตาลีนี้ ผมว่ามิลานดูเจริญสุด หมายถึงดูเป็นเมืองเศรษฐกิจที่สุดแล้ว แม้จะไม่ค่อยมีอะไรให้เที่ยว


.
วาเรนนา (Varenna)
จากมิลานมาถึงวาเรนนานี้ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครับ แต่พอรถไฟเข้าเขตทะเลสาบก็จะมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามให้ชม ซึ่งชมวิวได้ไม่เบื่อเลยครับ




.
เบลลาจิโอ (Bellagio)
ได้ชื่อว่าเป็นไข่มุกแห่งทะเลสาบโคโมครับ แต่พวกผมไม่ได้เดินไปดูในเมืองเท่าไหร่เพราะไปถึงบ่ายแก่ ๆ แล้วกำลังหิวเลย และมีแผนจะไปเลนโนต่อ


.
บรรยากาศการล่องทะเลสาบ
เก็บภาพบรรยากาศการล่องทะเลสาบมาให้ดูครับ อากาศกำลังชิล ๆ ดี ล่องเรือรับลมไปเรื่อยฟินมากครับ







.
เลนโน (Lenno)
ไฮไลท์ของที่นี่ก็คือ Villa del Balbianello ซึ่งเป็นวิลล่าที่เขาว่าสวยมากครับ เป็นสถานที่ถ่ายทำเจมส์บอนด์ 007 ตอน Casino Royale และ Star Wars ep.II Attack of the Clones เสียดายว่าตอนที่เราไปถึง เขาปิดซะแล้ว ก็เลยได้แค่เดินเล่นดูรอบ ๆ หมู่บ้านนิดหน่อยและก็กลับเลยครับ

เสร็จแล้วเราก็เดินทางกลับไปยังตัวเมืองมิลาน เช็ครอบรถไฟกลับดี ๆ นะครับเพราะนาน ๆ มาทีมาก เรารอกันหลายชั่วโมงเลยครับกว่าจะได้กลับ 😅
.
26 ก.ย. 61: มิลาน
วันนี้เป็นวันเที่ยววันสุดท้ายของทริปอิตาลีแล้ว เราก็เลยไม่ได้เที่ยวอะไรมากครับ เน้นสถานที่สำคัญ ๆ ที่เหลือก็ชิลเล่นไปเรื่อย เลยจะไม่ค่อยได้ไปไหนครับ
.
อาสนวิหารมิลาน (Duomo di Milano)
คนไทยชอบแปลเป็นมหาวิหารมิลาน แต่เท่าที่ผมเช็คดูเขาเป็น Cathedral นะครับ ดังนั้นจึงน่าจะใช้คำว่าอาสนวิหาร ถ้ามหาวิหารต้อง Basilica อย่างไรก็ดี อันนี้ก็คือโบสถ์หลักของเมืองแหละครับ เนื่องจากจำนวนคิวยาวมหาศาล เลยไม่ได้เข้าไปครับ




.
กัลเลเรียวิตตาริโอ เอมานูเอลที่ 2
ติดกับดูโอโมคือที่นี่ครับ เป็นศูนย์การค้าตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 19 ภายในมีร้านค้าหรูมากมาย การประดับตกแต่งก็สวยงามครับ






.
ถนนสายแฟชั่น
มิลานได้ชื่อว่าเป็นเมืองแฟชั่น เพราะเป็นแหล่งกำเนิดของแบรนด์เสื้อผ้าดัง ๆ มากมาย บริเวณถนน Via Montenapoleone และ Via della Spiga อันนี้ก็คือถนนสายแฟชั่นของที่นี่ที่รวมร้านค้าแบรนด์เนมมากมายครับ ผมเองก็ไม่ค่อยรู้จักแบรนด์แฟชั่นเลยเป็นแนวเดินดูผ่าน ๆ แต่ส่วนตัวผมไม่ค่อยรู้สึก wow นะ ผมว่า Champs Elysées ของปารีสมีความ wow กว่า






หลังจากนั้นก็เดินทางไปพักผ่อนที่โรงแรมครับ มื้อเย็นจำได้ว่ากินร้าน Osteria italiana แถว Central Station ที่จำได้เพราะอร่อยดีครับ
.
27 ก.ย. 61: จบทริป
วันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายของทริปครับ ไม่มีอะไรมาก ตื่นมาเดินทางไปสนามบิน ผมไปต่อที่เบอร์ลินครับ ก็เป็นอันจบทริปอิตาลีนี้ครับ ไว้เจอกันใหม่ที่เบอร์ลินครับ 🙂
