หลังจากจบทริปอิตาลี ผมก็ไปต่อที่เบอร์ลินระหว่างวันที่ 27 ก.ย. – 2 ต.ค. 61 ครับ
ความคิดเห็นต่อทริปนี้โดยรวม
- เบอร์ลินเป็นศูนย์กลางของนาซีเยอรมันในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากนั้นก็กลายเป็นสมรภูมิหนึ่งของสงครามเย็น ทำให้เมืองมีบรรยากาศของความเศร้าบางอย่าง เวลาไปดูพวกอนุสรณ์หรือพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้
- ความที่เป็นสมรภูมิสงครามเย็นมานาน ทำให้เมืองไม่ได้รับการพัฒนาเหมือนเมืองใหญ่อื่น ๆ จนทุกวันนี้ก็ยังต้องให้รัฐคอยเอาเงินไปอุดหนุน แทนที่จะเป็นกำลังหลักทางเศรษฐกิจเหมือนเมืองอื่น ๆ
- แต่เนื่องจากเป็นศูนย์กลางทางการเมือง-ศิลปวัฒนธรรมมาแต่เดิม และกลายเป็นจุดปะทะกันทางอุดมการณ์ในยุคสงครามเย็น จึงทำให้เบอร์ลินเติบโตกลายเป็นเมืองแห่งศิลปะสมัยใหม่ ศิลปะแนวล้ำยุค และ Night life แบบหลุดโลก
- ผมเองไม่ได้ไปเที่ยวกลางคืนในเบอร์ลิน แต่เพื่อนชาวต่างชาติหลาย ๆ คนที่ผมรู้จักพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามันคือที่สุดของความบ้า ท่านใดอยากลองก็ลองได้ฮะ แชร์ให้ฟังด้วยนะครับ 😄
- ทั้งหมดนี้หลอมรวมกันเป็นเบอร์ลิน เมืองที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่หาไม่ได้จากที่อื่น
ทิปเล็กทิปน้อย
- สำหรับ Pass ในเบอร์ลินนี่จะมี 2 แบบ คือ Berlin WelcomeCard กับ WelcomeCard All Inclusive ถ้าเป็น WelcomeCard ธรรมดาก็จะครอบคลุม public transport แต่ไม่ครอบคลุมพวกค่าเข้าสถานที่ (แต่จะให้เป็นส่วนลดมาให้เรา) ส่วนถ้าเป็น All Inclusive ก็จะเข้าสถานที่ฟรีได้เลย สามารถซื้อได้จากตู้ขายตั๋วอัตโนมัติที่สถานีรถไฟได้เลย
- มีความซับซ้อนเล็ก ๆ ตรงมันจะมี WelcomeCard + Museum Island อันนี้คือเข้าพิพิธภัณฑ์ใน Museum Island ได้ฟรีครับ แต่ก็จะเป็นแบบ 72 ชม. เท่านั้น ผมเลือกซื้ออันนี้ครับ ราคา 45 ยูโร ถ้าซื้ออันนี้แล้วเวลาไปพิพิธภัณฑ์ก็ไม่ต้องต่อคิวนะครับ เดินเข้าได้เลย
- สถานี Tram อาจไม่ต้องอยู่ติดทางเท้า อันนี้สร้างความงงพอสมควร เคยหาอยู่นานมากว่าต้องขึ้นตรงไหน สรุปเดินไปขึ้นกลางถนนเลยซะงั้น ขาลงก็เหมือนกันครับ และตำแหน่งของสถานีอาจมีความคลาดเคลื่อนไปจาก Google
- ร้านอาหารเล็ก ๆ จะรับแค่เงินสดเท่านั้น ไม่รับบัตร แต่ในเมืองก็มี ATM เยอะอยู่แหละครับ อันนี้ตรงข้ามกับสต็อกโฮล์มเลย อันนั้นรับแต่บัตรไม่รับเงินสด
.
รีวิวที่พัก
ทริปนี้ผมพักที่ Generator Hostel Berlin Mitte คือก็เหมือนโฮสเทลอื่น ๆ ในเชนนี้น่ะครับ ทำเลดีใกล้รถไฟฟ้ามาก ห้องพักโอเค อาหารเช้าแนวขนมปัง-แฮม ราคาเป็นมิตร ข้อเสียคือห้องน้ำท่อใกล้ตันแล้ว, คีย์การ์ดใช้ขึ้นลิฟท์ไม่ค่อยได้, และตู้ฝากกระเป๋าเป็นระบบหยอดเหรียญ (ไม่ได้รับฝากฟรี)
.
28 ก.ย. 61: Topography of Terror, Checkpoint Charlie, Jewish Museum
ผมมาถึงตั้งแต่ 27 ก.ย. ครับ ลงเครื่องที่ Tegel airport จากนั้นก็ต่อรถบัสเข้าเมือง จริง ๆ นับว่าทุลักทุเลพอสมควรเพราะรถบัสแออัดมาก เห็นว่าจริง ๆ แล้วมีรถไฟให้บริการเหมือนกันครับแต่ไม่ได้ใช้ วันแรกก็เข้าโรงแรมกินข้าวพักผ่อนครับ
ส่วนวันที่ 28 ก.ย. ก็เริ่มจากไปดูอาคารรัฐสภา แต่เพิ่งรู้ว่าต้องจองล่วงหน้า แถมบริเวณรอบ ๆ Brandenburg Gate ทั้งหมดก็ปิดอีก ก็เลยจองคิวไว้วันรุ่งขึ้นแล้วก็ไปเที่ยวที่อื่น ผมมารู้ทีหลังว่าจริง ๆ วันนั้นเขามีงานจัดแสดงไฟโปรเจคเตอร์บนประตู Brandenburg Gate พลาดมาก ๆ ที่ไม่ได้ไปดู







.
Topography of Terror
เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เข้าฟรีครับ เน้นจัดแสดงถึงการขึ้นสู่อำนาจของฮิตเลอร์และทำไมนาซีถึงได้สามารถพาเยอรมันไปถึงจุดที่ก่อสงครามได้ นาซีมีวิธีปราบปรามผู้เห็นต่างและการโฆษณาชวนเชื่อต่อประชาชนอย่างไรบ้าง ก็เป็นหนึ่งในความพยายามของประเทศเยอรมันในการแสดงความรับผิดชอบต่อความผิดพลาดของตนเองในอดีตครับ






.
THE WALL at Checkpoint Charlie
อันนี้เป็นการจัดแสดงภาพพาโนราม่า ที่จำลองให้เราเห็นว่าถ้ากำแพงเบอร์ลินยังอยู่ เราจะมองเห็นเป็นอย่างไร เป็นภาพใหญ่ ๆ 180 องศา เราก็ขึ้นไปยืนบนแท่นแล้วอ่านตามแผนพับว่าแต่ละตึกคืออะไร ก็จะมีเสียงบรรยายไปด้วย แสงก็จะเปลี่ยนไปกลางวันกลางคืน


.
Checkpoint Charlie
จุดตรวจชาร์ลีเป็นจุดผ่านแดนระหว่างเยอรมนีตะวันตกและเยอรมนีตะวันออก เป็นจุดที่ชาวเยอรมันตะวันออกใช้หลบหนีเข้ามาทางวฝั่งตะวันตกหลายครั้ง และเป็นจุดที่เคยเกิดความตึงเครียดทางทหารระหว่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตหลายครั้ง




.
Wall Museum at Checkpoint Charlie
จุดนี้เดิมเคยเป็นศูนย์กลางของการช่วยให้ผู้หลบหนีสามารถข้ามแดนได้สำเร็จ พอกำแพงพังลงเลยเปลี่ยนมาเป็นพิพิธภัณฑ์ เน้นแสดงเรื่องราวของผู้หลบหนี





.
Game Science Center Berlin
จริง ๆ อันนี้ไม่ได้อยู่ในแผน พอดีเห็นในแผนที่เลยแวะไปครับ เป็นแนว ๆ นิทรรศการที่แสดงการควบคุมเกมด้วยอุปกรณ์ทั่ว ๆ ไปอย่างคีย์บอร์ด เมาส์ แต่ใช้อุปกรณ์อย่างอื่น เช่น การเคลื่อนไหวร่างกาย, บอร์ดเกม, เครื่องเล่นแผ่นเสียง, ฯลฯ จริง ๆ มีอะไรแปลก ๆ น่าสนใจเยอะอยู่ครับ

.
Jewish Museum Berlin
ผมเองก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องสถาปัตยกรรมนะครับ แต่ผมว่าอาคารใหม่ (สีเงิน) ของตึกนี้เป็นอาคารที่ออกแบบได้ดีมาก คือมันไม่ใช่แค่สวย แต่ตัวอาคารเองมันนำเสนอบางอย่างให้ผู้เข้าชมโดยไม่ต้องมีนิทรรศการอะไรด้วยซ้ำ พอมีนิทรรศการด้วยเลยยิ่งเจ๋งเลย
คือพอเราเข้าไปมันจะมีความอึมครึมและกดดัน ทางเดินที่ออกแบบมาก็คดเคี้ยว ไม่รู้ว่าที่เดินอยู่มันถูกทางไหม ยิ่งเดินยิ่งมืดยิ่งแคบ และยิ่งอึมครึม สิ่งเหล่านี้สะท้อนความรู้สึกของชาวยิวในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ครับ










.
29 ก.ย. 61: รัฐสภา, Museum island, DDR museum
วันนี้ผมก็เริ่มจากไปที่รัฐสภาที่จองไว้ จากนั้นก็ไป Museum island ซึ่งจะมีพิพิธภัณฑ์หลาย ๆ แห่งอยู่ในนั้น ผมเลือกเข้า Pergamon Museum, Bode Museum, และ Berlin Cathedral ใกล้ ๆ กันก็จะมี DDR museum ครับ
อาคารรัฐสภา (Reichstag)
ไฮไลท์ของที่นี่ก็คือโดมครับ เราสามารถจองขึ้นโดมทางออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ ปัญหาคือเขาเปิดให้ของออนไลน์ไม่เยอะ แม้ว่าจะเต็มแล้วเวลาเราจองออนไลน์แต่ถ้าเราไปจองออฟไลน์ที่ข้างหน้า (เหมือนที่ผมทำวันที่ 28) ก็จะยังมีที่ว่างอยู่ ตอนแรกผมนึกว่าจะได้ไปไกด์ทัวร์ดูส่วนอื่น ๆ ด้วย แต่สรุปว่าได้ขึ้นแต่โดม






.
Pergamon Museum
เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เน้นจัดแสดงสิ่งของจากอารยธรรมโบราณพวกบาบีลอนอะไรแนว ๆ นั้น ข้างในมีของใหญ่ ๆ เยอะดีครับ เสียดายมีบางส่วนปิดปรับปรุง





.
Berlin Cathedral
เป็นโบสถ์หลักประจำเมืองครับ ข้างในก็ยิ่งใหญ่สวยงามอลังการ มีพิพิธภัณฑ์และสามารถขึ้นไปยอดโดมได้ (ไม่ได้ขึ้นเหมือนกันครับ)








.
DDR Museum
เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เล่าถึงชีวิตในเยอรมนีตะวันออก (German Democratic Republic – GDR, DDR ในภาษาเยอรมัน) อันนี้ผมก็ชอบนะครับ ก็จัดแสดงพวกสิ่งของเครื่องใช้ การชวนเชื่อของรัฐบาล อาชีพ ที่อยู่อาศัยต่าง ๆ





.
Bode museum
เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เน้นจัดแสดงงานประติมากรรมจากยุคต่าง ๆ








.
29 ก.ย. 61: พิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีเยอรมัน
เยอรมนีเป็นประเทศหนึ่งได้ชื่อว่ามีความเจริญก้าวหน้าทางวิศวกรรม ก็เลยอยากมาเยือนเขาหน่อยครับ ส่วนตัวชอบนะครับ มีเทคโนโลยีสมัยก่อนให้ได้ดูเยอะเลย ตัวอาคารจะแบ่งเป็นโซนต่าง ๆ หลายโซน ซึ่งใหญ่พอสมควร เลยหมดไปทั้งวันเลยกับการดูที่นี่













.
1 ต.ค. 61: Brandenburg Gate, Memorial to the Murdered Jews of Europe, East Side Gallery, Karl-Marx-Allee
เนื่องจากหลายวันที่ผ่านมา Brandenburg Gate นี่ไปกี่ทีก็ปิดตลอด จึงไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้ซักที จะไม่ไปก็เหมือนไปยังไม่ถึงเบอร์ลิน วันนี้เลยกลับไปครับ


.
Memorial to the Murdered Jews of Europe
อีกชื่อหนึ่งก็คือ Holocaust Memorial เป็นอนุสรณ์สถานเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง เป็นเสาปูนแท่งวางอยู่บนทางเดินที่ไม่ราบเรียบ เดินไปก็อาจชนคนที่เดินผ่านมาต้องคอยระวัง เวลาเราเดินในนั้นก็จะมีความอึดอัดอึมครึมบางอย่างครับ ซึ่งเป็นความพยายามสะท้อนความรู้สึกของชาวยิวในเวลานั้น



.
East Side Gallery
หลังการล่มสลายของกำแพงเบอร์ลิน พื้นที่กำแพงบางส่วนที่ยังหลงเหลืออยู่ก็ถูกเปลี่ยนให้เป็นพื้นที่ให้ศิลปินมาแสดงออกทางศิลปะครับ





.
Alexanderplatz
ต่อรถไฟฟ้ามาที่ Alexanderplatz ครับ เป็นจัตุรัสสำคัญของเบอร์ลิน เป็นที่ตั้งของร้านค้ามากมาย และหอ TV tower



.
Karl-Marx-Allee
ไม่ไกลจาก Alexanderplatz ก็จะเป็นถนน Karl-Marx-Allee เป็นถนนแบบโซเวียต เอาไว้เดินสวนสนามน่ะครับ พอดีไม่ได้ถ่ายรูปมาเยอะเท่าไหร่ ก็เป็นถนนที่สองข้างทางเป็นตึกแบบโซเวียต น่าสนใจดีครับ

.
Computer Game Museum (Computerspiele Museum)
บังเอิญเจอครับอันนี้บนถนน Karl-Marx-Allee นี่แหละ เป็นพิพิธภัณฑ์เกมในยุคต่าง ๆ ก็มีเกมสมัยโบราณให้เล่นอะไรแบบนั้นครับ





.
สนใจเรื่องเบอร์ลินเพิ่มเติม
จริง ๆ มีหนังหลายเรื่องที่เล่าเกี่ยวกับเยอรมันในยุคสงครามเย็นครับ ที่ผมเคยดูก็มี
- Good Bye, Lenin! (2003): เรื่องเกี่ยวกับครอบครัวเยอรมันตะวันออกที่แม่ศรัทธาในสังคมนิยม แต่มีเหตุให้ป่วยเป็นโคม่าก่อนการรวมประเทศไม่กี่เดือน เมื่อตื่นมาลูก ๆ เลยต้องพยายามทำให้ทุกอย่างดูเหมือนเดิมเพื่อไม่ให้แม่ตกใจจนป่วยอีก
- Atomic Blond (2017): เรื่องของสปายฝ่านสัมพันธมิตรที่ต้องพยายามสืบหารายชื่อของสายลับสองหน้าที่หายไป โดยมีฉากหลังคือเบอร์ลินช่วงก่อนการร่วมประเทศ
เรื่องอื่น ๆ ลองดูได้ที่ The Culture Trip ครับ
.
ก็จบแล้วครับสำหรับทริปเบอร์ลินนี้ ส่วนตัวค่อนข้างชอบนะครับ คือไม่ค่อยมีโอกาสได้ไปเหมือนไหนที่รู้สึกว่ามีบาดแผลจากอดีตเลือดไหลซิบ ๆ แบบเมืองนี้ เมืองมีพัฒนาการกลายมาเป็นเมืองแห่งอิสรภาพทางความคิดที่แสดงออกมาในทางศิลปวัฒนธรรมภายในเมือง เสียดายไม่มีโอกาสได้สัมผัส night life อันเลื่องชื่อของที่นี่ ไว้โอกาสหน้าครับ
ทริปเบอร์ลินนี้เป็นทริปสุดท้ายแล้วของการท่องเที่ยวหลังเรียนจบปริญญาโทในสวีเดนของผม ไม่รู้ทริปหน้าคือเมื่อไหร่และที่ไหนเหมือนกันครับ ไว้มีโอกาสพบกันใหม่ครับ 🙂
สนุกมากครับ… 🙂
ขอบคุณครับ ได้ความรู้ดี