จริงๆ บทความนี้ผมเขียนลงครั้งแรกในพันทิปครับ แต่รู้สึกว่าควรเอามาไว้ Blog ตัวเองด้วย ก็เลยก็อปมาครับ อันนี้ก็เป็นทริปตั้งแต่ปี 2555 แล้ว หลายๆ อย่างน่าจะเปลี่ยนไปพอสมควรเหมือนกัน
สารบัญ
- เที่ยวพม่า (ย่างกุ้ง พุกาม อินเล มัณฑะเลย์) 5 วัน 4 คืน ตอนที่ 1
- เที่ยวพม่า (ย่างกุ้ง พุกาม อินเล มัณฑะเลย์) 5 วัน 4 คืน ตอนที่ 2
- เที่ยวพม่า (ย่างกุ้ง พุกาม อินเล มัณฑะเลย์) 5 วัน 4 คืน ตอนที่ 3
ขอรวบ 2 วันสุดท้ายเป็นตอนเลยละกันนะครับ สองวันนี้เป็นวันที่พวกผมเดินทางไปที่ทะเลสาบอินเล และต่อไปที่มัณฑะเลย์ครับ
30 ธันวาคม 2555: ทะเลสาบอินเล
เช้านี้เราก็ตื่นมาขึ้นเครื่องบินที่สนามบินพุกามอีกครั้ง เป็นสนามบินเล็กๆให้อารมณ์สถานีรถทัวร์นิดๆ คนเยอะมาก 90% เป็นฝรั่ง มีนักท่องเที่ยวเอเชียบ้างประปราย
เป้าหมายของราวันนี้คือทะเลสาบอินเล ต้องนั่งเครื่องบินไปลงที่สนามบิน Heho แล้วต่อรถประมาณ 30 นาทีก็จะมาถึงเมือง Shwe Nyaung ซึ่งเป็นท่าเรือ (ระวังสับสนกับกับ Nyaung Shwe ซึ่งเป็นเมืองใกล้ๆกัน)

พอมาถึงเมือง Shwe Nyaung รถแท๊กซี่ที่นั่งมาก็พามาส่งหน้าบริษัททัวร์เลย ก็ตกลงราคาค่าเหมาเรือทั้งวัน คุยกันว่าเราจะไปไหนกันบ้าง แล้วก็จัดการลงเรือเลย
อันนี้ก็เป็นบรรยากาศรอบๆ ทะเลสาบ จะเห็นวิถีชีวิตชาวบ้านที่อาศัยอยู่กับน้ำมากมาย ผมว่าบรรยากาศแบบนี้จะน้อยลงเรื่อยๆ ถ้าพม่าเปิดประเทศมากขึ้น ทะเลสาบอินเลนี้ต้องกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตแน่นอน และมันน่าจะกลายเป็นรีสอร์ทเป็นร้านต่างๆ เต็มไปหมด ดังนั้น ควรรีบเที่ยวก่อนจะถึงจุดนั้นครับ 55

เอกลักษณ์ของที่นี่ก็คือการใช้เท้าพายเรือครับ คือเอาเข้าจริงๆเขาก็ไม่ได้ใช้เท้าพายหมดนะครับ บางครั้งเขาก็ใช้มือเหมือนกัน

นกอันนี้ (ไม่แน่ใจว่าคือนกอะไร พอดีไม่ค่อยรู้จักนก 55) มีเยอะมาก บินว่อนไปว่อนมาขณะเรานั่งเรือ ฟินน พอดีจับได้ตัวนึง

ร้านอาหารรอบๆ ทะเลสาบก็มีเยอะมากครับ ราคาโอเค รสชาติเป็นสไตล์ปรับให้เข้ากับลิ้นชาวต่างชาติ ถ้าเราไม่บอกร้านเดี๋ยวเรือก็พาไปเอง
เด็กน้อยที่ร้านอาหารช่วยเอาเรือเข้า เด็กแถวนี้ช่วยพ่อแม่ทำงานกันเยอะทีเดียว

เรือที่นั่งมาเขาจะมีโปรแกรมทัวร์จัดให้ แต่ก็ตกลงกันได้ เนื่องจากพวกผมไม่ได้มีแพลนอะไรในใจมากนักก็เลยได้ไปที่ที่เขาพาไปเป็นส่วนใหญ่ อันนี้เรือพามาดูโรงงานทำเครื่องเงิน คนนี้คือมือซ้ายดึงให้แก๊สออกมา มือขวาก็เขี่ยๆ โลหะ ซักพักเงินมันก็จะเหลวก็เอามาเทลงแม่พิมพ์

เรือพาไปต่อที่ร้านขายผ้า บางร้านก็จะสร้างจุดขายด้วยการหาชาวกระเกรี่ยงมาให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปครับ ผมได้โสร่งมาตัวนึงราคา 12,000K รู้นะว่าแพง แต่ก็อยากได้เดี๋ยวนั้นอ่ะ 55 จะใส่ที่ทะเลสาบ

เด็กน้อยที่ร้านขายผ้า มองเพื่อนผมอยู่

เรือก็พาไปต่อที่โรงงานทอผ้า ก็เก็บบรรยากาศไปเรื่อย

สนุกดีเหมือนกันครับ ถ่ายแนว life

เรือพาไปร้านขายของเยอะมาก แอบเหนื่อย อันนี้ก็พามาต่อที่ร้านขายมีด ก็มาดูเขาทำมีด

ไปต่อที่วัดประจำทะเลสาบ ชื่อวัดผ่องต่ออู เรื่องความงามผมว่าก็ไม่ได้งามอะไรมาก แต่เหมือนเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองอะไรแบบนั้น

ข้างในจะมีพระพุทธรูป 5 องค์ให้ปิดทอง ชาวบ้านก็ปิดกันจนไม่เหลือรูปทรงพระพุทธรูปไปแล้ว

จริงๆทะเลสาบอินเลนี่มีบริเวณกว้างขวางมากนะครับ ไปแต่ละที่นั่งเรือกันเป็นสิบนาที ตอนแรกที่นี่เป็นที่ๆ ผมอยากตัดทิ้งไปจากทริป ไปๆ มาๆ ดันเป็นที่ๆ ผมชอบที่สุดในทริปไปซะงั้น

ชาวบ้านเขาก็อยู่กับน้ำจริงๆ

ที่สุดท้ายของวันก็คือวัดงะแพจึงหรือวัดแมวกระโดด สรุปสั้นๆ มันคือวัดเก่าที่มีแมวเยอะ (ไม่กระโดดแล้ว)

แมวเยอะดี ฟินอยู่ เห็นบอกว่าตัวที่กระโดดได้มันตายไปแล้วครับ

ตอนเย็นก็ไปรอขึ้นรถที่ท่ารถ Nyaung Shwe รถเลทจากเวลาในบัตรประมาณชั่วโมงนึง (เพราะเป็นเวลาที่ออกจากตองยี) รถคุณภาพใช้ได้เลยครับ แถวนึงมีสามที่นั่ง เบาะใหญ่สบาย เสียดายแค่จะเปิดแอร์หนาวไปไหน ระหว่างอยู่บนรถก็ดู MV ของศิลปินพม่าไปด้วย หลังๆ เปิด Avatar ซะงั้น แอบหนวกหู อยากนอน ออกจาก Nyaung Shwe ประมาณ 21.00 ไปถึงมัณฑะเลย์ประมาณ 5.00 ครับ
31 ธันวาคม 2555: มัณฑะเลย์
ลงจากรถมาจะมีคนมามุงถามไปไหนๆ เยอะมาก สุดท้ายไปได้แท๊กซี่สองแถวมาคันนึงพร้อมไกด์มาจากไหนไม่รู้อีกคนนึงซะงั้น กระโดดเกาะรถขึ้นมาเลยนะ ผมงงมาก 55 แต่เขาก็ดีแหละครับ ไปถึงโรงแรมก็ตกลงราคากันแล้วเขาก็บอกว่านี่เป็นราคาค่าเหมารถทั้งวัน ส่วนค่าไกด์แล้วแต่เราจะให้ ซึ่งจริงๆ คงรวมมาในค่ารถแล้วแหละ แต่ตอนหมดวันพวกผมก็ให้ไป 20 USD เพราะเขาดีมากครับ
ผมชอบผังเมืองมาก เป็นบล็อคๆ และเรียกชื่อถนนเป็นเลขเลย ถนน 27 ถนน 84 อะไรแบบนั้น เหมือนฝรั่ง จำง่าย ไม่หลง

ที่แรกที่เราไปคือวัด Kuthodaw เป็นวัดที่มีศิลาจารึกพระไตรปิฎกขนาดใหญ่ที่สุดในโลกเรียงรายเต็มไปหมด ที่เห็นขาวๆ ข้างหลังลุงนี่แหละครับ ข้างในมีพระไตรปิฏก

ศิลาจารึกพระไตรปิฎก แต่ละอันสูงประมาณเกือบๆ สองเมตร

มีต้น Star Flower Tree (เหมือนจะเป็นต้นพิกุลตามกูเกิ้ลบอก) อายุ 118 ปีอยู่ด้วย กิ่งยาวมากจนต้องเอาเสามาค้ำ

ชอบภาพนี้ ดูศรัทธา ลุงแกมาไหว้เช้าตั้งแต่วัดเพิ่งเปิด

ไปต่อกันที่วัดชเวนันดอว์ งานไม้แกะสลัก เป็นวังเก่าที่ย้ายมาจากพระราชวังมัณฑะเลย์

งานวิจิตรบรรจงใช้ได้เลยครับ เข้าไปข้างในจะเห็นพวกรูปแกะสลักพระพุทธรูปโดนตัดเศียรไปเยอะเหมือนกัน ไกด์บอกสมัยก่อนชอบมีคนแอบมาตัดไปขายเชียงใหม่ แหะๆ แต่สมัยนี้เข้มงวดขึ้นมากแล้ว

ไปต่อกันที่พระราชวังมัณฑะเลย์ อันนี้เป็นวังใหม่ที่สร้างขึ้นมาแทนวังเก่าที่โดนทำลายไปสมัยสงครามโลกครับ

แต่พูดตรงๆเลยนะ ผมว่าสร้างมาได้เผามาก งานไม่ประณีต โรงแรมบางแห่งยังจะสวยกว่าด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนเป็นธีมปาร์คให้เข้าไปดูเฉยๆ

รูปจำลองของพระเจ้ามินดงและพระมเหสี กษัตริย์ที่ย้ายเมืองหลวงมามัณฑะเลย์ เพราะเมืองทางตอนใต้โดนอังกฤษยึดหมด

โซนนี้เป็นโซนที่อยู่อาศัยของนางสนม หลายหลังทีเดียว แต่ไม่เหนือชั้นแบบ Amber Palace ของอินเดียที่มีทางลับให้กษัตริย์แอบไปเข้าแต่ละห้องไม่ให้คนอื่นรู้ 55

สมัยเป็นวังจริงต้องสวยมากแน่ๆ เลย

พระราชวังมัณฑะเลย์ มองจากมุมสูง (หอคอยไว้ทำอะไรซักอย่าง)

ไปต่อกันที่วัดพระมหามัยมุนี ที่เห็นทองๆ นั่นเกิดจากการปิดทองทีละแผ่นเล็กๆ เอานะครับ ไม่ได้ทาสี

พระมหามัยมุนี สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของพม่า หล่อตั้งแต่สมัยพระพุทธเจ้ามาแสดงธรรมที่แถบนี้ แล้วพม่าก็ไปตีเอามาจากยะไข่

ผู้ชายเท่านั้นที่เข้าไปสักการะพระมหามัยมุนีใกล้ๆ ได้ ผู้หญิงต้องรอข้างนอก

ไปต่อกันที่เจดีย์มิงกุน อยู่ห่างจากตัวเมืองมัณฑะเลย์ออกไปไกลอยู่ ปกติใช้วิธีนั่งเรือไปกัน แต่ผมเหมารถทั้งวันกันแล้ว เลยขับรถไปเลย ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
ระหว่างทางไกด์พาไปกินอาหารพม่าแบบ original แท้ๆ เลยด้วย ราคาถูกมาก แล้วก็อิ่มมาก อาจไม่ค่อยคุ้นเคยกับลิ้นเราแต่โดยส่วนตัวผมชอบนะ ไปต่างประเทศก็ต้องกินแบบ original นิดนึง มันจะไม่เหมือนที่ปรับให้เป็นแบบรสชาวต่างชาติ
ส่วนในภาพก็เป็นพระที่อยู่บนเจดีย์ครับ

เป็นเจดีย์ที่กะจะสร้างให้สูงที่สุดในโลกประมาณ 150 เมตร แต่ระหว่างสร้างเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่จึงสร้างไม่เสร็จ ไหวอีกหลายๆ ครั้งเลยแตกแบบนี้แหละครับ ปัจจุบันไม่ให้ขึ้นไปแล้ว

วันที่ 31 ธ.ค.นั้น พม่าไม่หยุดโรงเรียนครับ !! อันนี้นับว่าประเทศไทยเรานำหน้าเขาขั้นนึง ฮ่าๆ

ที่มิงกุนนี้จะมีระฆังมิงกุน ซึ่งเป็นระฆังที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ยังตีได้ (ที่รัสเซียใหญ่กว่าแต่ตีไม่ได้) สร้างไว้กะไว้ใช้กับเจดีย์ แต่สุดท้ายเจดีย์ไม่เสร็จเลยเอามาไว้ที่อื่น

เด็กน้อยทำการบ้าน (หรือเปล่าไม่รู้) ข้างเจดีย์ แต่พี่แกดิบไปนิดนึงนะผมว่า ไปทำที่บ้านไหม

ในบริเวณนี้จะมีเจดียืที่เรียกว่า Taj Mahal of Myanmar หรือ เจดีย์ Hsinbyume สิ่งที่เหมือนกันคือสร้างให้มเหสีเท่านั้น ความอลังการทัชมาฮาลของจริงล้ำไปไกล

สุดท้ายของวัน ไปที่สะพานอูเบ็ง สะพานไม้สักที่ยาวที่สุดในโลก

มีบริการนั่งเรือชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สะพานด้วยครับ

พระอาทิตย์เริ่มตกแล้ว

ปิดท้ายทริปด้วยพระอาทิตย์ตกที่สะพานอูเบ็ง ถ่ายมาไม่ค่อยดีเลย

ตอนเย็นก็พักที่โรงแรม Unity Hotel อันนี้ผมว่าดีสุดในโรงแรมทั้งหมดในทริป แนะนำเลยครับโรงแรมนี้ อยู่ในตัวเมือง เดินทางสะดวก ห้องดี ราคาโอเค
ตกดึกมาเป็นคืนเคาท์ดาวน์พอดี เลยไปร่วมฉลองเคาท์ดาวน์กับเขาซักหน่อย เปิด lonely planet ดูเห็นใกล้ๆมีร้าน Skybar เป็นร้านอยู่บนดาดฟ้าตึก สั่ง Myanmar beer มากิน ไม่ค่อยมีแขกครับ เหมือนไปร่วมงานเลี้ยงของครอบครัวเจ้าของร้านมากกว่า ก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบ 55 พอใกล้ๆเที่ยงคืนรอบๆ พระราชวังมัณฑะเลย์ก็จะมีมอเตอร์ไซค์มาแว้นซ์ไปรอบๆ แล้วก็มีพลุจุดตอนเคาท์ดาวน์ ก็เป็นประสบการณ์ที่แปลกดีครับ
เช้าวันต่อมาเราก็นั่งรถตู้ที่โรงแรมเตรียมไว้ให้ (20,000 K) ไปที่สนามบินมัณฑะเลย์ ไกลมากๆ สร้างเผื่อเมืองขยายไว้ไกลเชียว เหมือนเมืองอยู่ขอนแก่น ไปสร้างสนามบินอยู่น้ำพอง หรืออยู่เชียงใหม่ไปสร้างสนามบินอยู่แม่แตงอะไรแบบนั้น ห่างจากตัวเมืองประมาณ 1 ชั่วโมงครับ
ก็จบลงแล้วครับสำหรับการรีวิวทริปพม่าของผม ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะครับ ^.^
สารบัญ
- เที่ยวพม่า (ย่างกุ้ง พุกาม อินเล มัณฑะเลย์) 5 วัน 4 คืน ตอนที่ 1
- เที่ยวพม่า (ย่างกุ้ง พุกาม อินเล มัณฑะเลย์) 5 วัน 4 คืน ตอนที่ 2
- เที่ยวพม่า (ย่างกุ้ง พุกาม อินเล มัณฑะเลย์) 5 วัน 4 คืน ตอนที่ 3