จริงๆ บทความนี้ผมเขียนลงครั้งแรกในพันทิปครับ แต่รู้สึกว่าควรเอามาไว้ Blog ตัวเองด้วย ก็เลยก็อปมาครับ อันนี้ก็เป็นทริปตั้งแต่ปี 2556 แล้ว หลายๆ อย่างน่าจะเปลี่ยนไปพอสมควรเหมือนกัน
ผมไปเที่ยวเสียมเรียบมาครับวันที่ 23-25 ก.พ. 56 ที่ผ่านมา จึงแชร์ประสบการณ์เล็กน้อย ผมไม่ค่อยมีความรู้ในสถานที่ที่ไปอะไรนะครับ ไกด์ก็ไม่ได้จ้าง ออกแนวเก็บภาพมาฝากมากกว่าครับ
นานๆทีผมจะไปออกทริปแบบไม่ได้เตรียมอะไรล่วงหน้าเลย ผมว่าถ้าเวลาเราจำกัด เตรียมไปบ้างก็ดีนะครับ อย่างน้อยๆ ก็หาซักนิดว่าปราสาทไหนเป็นพระเอก เราก็ไปแต่ที่นั่น ปราสาทที่เป็นพระรองหน่อยเราก็ไว้ไปตอนเรามีเวลาเยอะๆ การฝากขีวิตไว้ให้ตุ๊กๆพาทัวร์เลยนี่ไม่ค่อยเวิร์ค
เช่นเดียวกับเรื่องอาหาร ตุ๊กๆ พาไปกินแต่ร้านที่ทำอาหารให้ชาวตะวันตกกิน แต่เวลาเราไปเที่ยวเราก็อยากได้ลอง local food ที่คนท้องถิ่นเขากินจริงๆมากกว่า เพราะงั้นอาจต้องหาร้านไว้บ้างว่าจะกินร้านไหน หรือจะกินอาหารอะไร
แต่โดยรวมแล้วผมค่อนข้างประทับใจมากครับกับการไปเที่ยวเสียมเรียบครั้งนี้ ไปง่าย ราคาไม่แพง ใกล้เมืองไทย แนะนำเลยครับ สรุปแล้ว รวมทุกอย่าง (ยกเว้นค่าน้ำมันจากกรุงเทพฯไปอรัญประเทศ) ผมหมดไปทั้งสิ้นเพียง 4,300 บาทเท่านั้น ถูกมากครับ
เกี่ยวกับเรื่องการเที่ยวเสียมเรียบ
- การเดินทาง พวกผมใช้วิธีขับรถไปจากกรุงเทพฯ ครับ แล้วไปฝากรถไว้ที่บริเวณตลาดโรงเกลือที่อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ร้านที่ฝากคิดราคาค่าฝากวันละ 100 บาท
- การข้ามแดนไปฝั่งกัมพูชานั้นใช้แค่ Passport ได้ครับ เดินถือเข้าไปเล่มเดียวผ่านแดนได้เลย เห็นในเว็บต่างๆบอกว่าต้องทำวีซ่าด้วย แต่ผมไม่ได้ทำนะครับ ก็ข้ามได้เหมือนกัน อยู่ได้กี่วันนั้นผมไม่แน่ใจเช่นกัน ส่วนการใช้บัตรประชาชนทำ border pass ปัจจุบันทำไม่ได้แล้วนะครับ ยกเว้นจะย้ายที่อยู่มาอยู่อ.อรัญประเทศมากกว่า 6 เดือน
- พวกผมใช้วิธีติดต่อกับตุ๊กๆ ที่เสียมเรียบไว้ก่อนจากแล้วจากประเทศไทย แล้วตุ๊กๆ จะมีเพื่อนเป็นแท๊กซี่มารับเราที่ด่านเลย ราคาค่าเดินทางจากด่านปอยเปตไปถึงตัวเมืองเสียมเรียบคันละ $40 ไปกันสามคนก็ตก $13
- พวกผมใช้วิธีเหมาตุ๊กๆ สามวันเลย คือเย็นๆ วันแรก ทั้งวันวันที่สอง และครึ่งวันวันที่สาม เขาคิดให้ราคา $50 มารู้ทีหลังตอนกลับไทยว่าได้ราคาถูกมาก คนนี้ผมค่อนข้างประทับใจนะครับ เขา nice ดี ใครสนใจติดต่อเขาได้ทาง facebook ครับ ชื่อ Sok Paul
- ส่วนที่พัก พวกผมจองไปจาก Agoda โดยจองที่โรงแรม Im Malis Hotel ราคาคืนละ 600 บาท โอเคเลยนะครับ คือไม่ได้หรูหรา แต่พักได้ มีข้าวเช้าให้ wi-fi free และเร็ว แอร์ น้ำอุ่น
- เรื่องการสื่อสาร ใช้ภาษาอังกฤษได้ครับ คนในเมืองพวกตุ๊กๆ พนักงานโรงแรมจะเข้าใจระดับนึง แต่ชาวบ้านทั่วไปก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกครับ แต่พอดีตุ๊กๆ ผมก็ทำหน้าที่ล่ามไปในตัวได้อยู่
- เรื่องเงินใช้เงิน US dollar ล้วนๆ ได้เลยครับ ไม่จำเป็นต้องแลกเงินเรียล (Riels) ไป แต่เขาไม่มีเหรียญนะ เขาจะทอนเรามาเป็นเงินเรียล โดย 4,000 Riels = 1 USD เพราะงั้นแลกแบงค์ USD แบงค์เล็กๆ ไปเยอะๆครับ
- วันแรกที่ไปถึงก็ไปนั่งกินเบียร์ Angkor เล่นที่ Pub Street อันนี้ก็ไม่มีอะไรครับ เป็น night market ธรรมดา ของที่ขายก็เหมือนของไทยนี่แหละครับ แล้วก็จะมีโซนร้านอาหาร บาร์ เส้นนี้จะคล้ายๆ ถนนข้าวสาร
- วันที่สองเป็นการตระเวนทัวร์ปราสาทหิน ส่วนนี้เดี๋ยวผมลงรายละเอียดอีกทีครับ
- ส่วนเย็นวันที่สองก็ไปดูการแสดงรำที่ ห้องอาหาร Angkor Mondia Restaurant เป็นบุฟเฟต์หัวละ $12 อาหารธรรมดามาก ส่วนการแสดงก็โออยู่ครับ แต่แอบคาดหวังว่าจะอลังการกว่านี้ (คุ้มขันโตกที่เขียงใหม่ทำได้ดีกว่า)
- วันที่สามก็เป็นการไปเที่ยวโตนเลสาบ ทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เฉยๆมาก ทะเลสาบอินเลของพม่าเด็ดกว่าเยอะ เท่าที่ดูเหมือนกำลังก่อสร้างอะไรเยอะเหมือนกัน คาดว่าถ้าอีกซัก 10 ปีไปใหม่นี่น่าจะเปลี่ยนไปเยอะ
การทัวร์ปราสาทหิน
- ปราสาทส่วนใหญ่แล้วจะเป็นโมเดลเดียวกัน คือเป็นสิ่งก่อสร้างขึ้นไปสูงๆ แล้วข้างบนก็จะมีพระพุทธรูปตั้งอยู่
ปราสาทที่พวกผมไปมีดังนี้ครับ เริ่มจากตื่นมาตั้งแต่ตี 5 เพื่อไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่นครวัด (Angkor Wat) จากนั้นออกมากินข้าวหน้านครวัด (แพงและธรรมดามาก) กลับไปเที่ยวนครวัดต่อ - จากนั้นไปนครธม (Angkor Thom) ก็เริ่มจากปราสาทบายน (Bayon) ปราสาทบาปวน (Baphuon) พิมานอากาศ (Phimeanakas) ลานช้าง (Terrace of Elephants) ลานพระเจ้าขี้เรื้อน (Terrace of the Leper King) อันนี้คือเก็บไม่ครบนะครับ ขาดอีกหลายปราสาทในเขตนครธมเหมือนกัน
- นครวัดนครธมสองที่นี่ก็จะกินเวลาทั้งเช้าแล้วครับ ก็กินข้าวเที่ยงที่บริเวณนครธม เช่นเคยครับ แพงและธรรมดามาก
- เราเริ่มภาคบ่ายกันด้วยปราสาทเจ้าสายเทวดา (Chau Say Tevoda) และปราสาทธรรมานนท์ (Thommanon) สองปราสาทนี้เป็นปราสาทเล็กๆ ไม่ค่อยมีอะไร
- ไปต่อที่ปราสาทตาแก้ว (Ta Keo) ปราสาทนี้ใหญ่อยู่ ปีนขึ้นไปเหนื่อยเหมือนกัน แต่ผมก็เฉยๆนะ
- จากนั้นก็ไปต่อที่ปราสาทตาพรหม (Ta Prohm) ซึ่งเป็นปราสาทที่ผมชอบที่สุดในทริป ชอบกว่านครวัดซะอีก มันคลาสสิคมาก มีต้นไม้ขึ้นแซมไปตามปราสาทแบบที่เราเห็นในหนังหรือสารคดีบ่อยๆ
- จากนั้นไปที่ปราสาทบันทายกเดย (Banteay Kdei) อันนี้ก็ปราสาทใหญ่เหมือนกันครับ คล้ายๆตาพรหมแต่ต้นไม้ไม่เยอะเท่า (ความคลาสสิคเลยลดลลง 80%) ออกมาก็จะเจอสระสรง (Sra Srang) ที่เป็นที่สรงน้ำของกษัตริย์สมัยก่อน
- ปิดท้ายวันด้วยการไปชมพระอาทิตย์ตกที่ปราสาทแปรรูป (Pre Rup) ไม่ค่อยฟินนะครับ ส่วนนึงคือเมฆเยอะเลยไม่เห็นพระอาทิตย์ อีกส่วนนึงคือจุดชมวิวก็ไม่ได้เด็ดอะไรมากน่ะครับ
- สรุปแล้ว ผมไม่แนะนำให้ทัวร์ตามผมนะครับ เพราะเสียเวลาไปกับปราสาทที่ไม่ได้สำคัญมากไปเยอะมาก ถ้าไปแค่วันเดียวน่าจะเก็บที่สำคัญๆ ดีกว่า อย่างน้อยๆ น่าจะได้ไปบันทายศรี (Banteay Srei)
ทัวร์ตาม Lonely Planet
- ในหนังสือ Lonely Planet นั้นจะแนะนำดังต่อไปนี้ครับ เริ่มจากนครวัดไปนครธมเช่นกัน แต่ไปต่อที่ตาพรหมเลย จากนั้นออกไปที่ปราสาทบันทายศรี (Banteay Srei) ปราสาทกบาลสะเปียน (Kbal Spean) ปราสาทบึงมาลา (Beng Mealea) ปราสาทเกาะแกร์ (Koh Ker)
- ผมไม่แน่ใจว่าแต่ละแห่งมีดียังไงนะครับ ใครสนใจลองหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ครับ แต่ถ้าดูจากแผนที่แล้วบันทายศรีกับกบาลสะเปียนนี่อาจพอไปได้ในหนึ่งวัน แต่ถ้าไปสองที่ดังกล่าวแล้วไม่น่าจะไปบึงมาลาและเกาะแกร์ได้ทันครับ
- ผมว่าทริปที่น่าจะเหมาะสมที่สุดสำหรับการเที่ยวหนึ่งวัน น่าจะเป็น นครวัด-นครธม–>ตาพรหม–>บันทายศรี->กบาลสะเปียน–>ชมพระอาทิตย์ตกที่พนมบาเค็ง (Phnom Bakheng) ครับ
23 ก.พ. 2556
เราไปถึงเสียบเรียบกันหกโมงเย็น แวะเก็บของที่โรงแรมแล้วก็หากินข้าวแถวนั้น แล้วก็ไปต่อกันที่ Pub Street ที่นี่ก็ประมาณไนท์มาร์เก็ตทั่วไปแหละครับ

คล้ายๆของไทย แต่ยังสู้ไม่ได้ตรงไม่มีอะโกโก้หน้าร้าน ฮ่าๆ

แวะหาร้านจิบเบียร์ Angkor กันซักหน่อย นั่งจากชั้นสองมองคนเดินไปมา ก็ฟินดีครับ

24 ก.พ. 2556
วันนี้เราเริ่มต้นวันกันตั้งแต่ตี 5 เพื่อไปถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นที่นครวัดครับ มุมนี้ก็จะเป็นมุมมหาชนที่เขาชอบถ่ายกัน คนเยอะมาก

ปราสาทหินนครวัดตอนพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า
ดวงช่วงนี้ไม่รู้เป็นอะไรครับ ไปพม่าชเวดากองก็ซ่อม มาเสียมเรียบนครวัดก็ซ่อม (แถมเอาสีเขียวมาคลุมอีก เด่นมาก น่าจะเอาผ้าสีเดียวกับปราสาทซะหน่อย – -“)

คู่ฝรั่งที่มาเที่ยวนครวัด

หลังกินข้าวเช้าเราก็กลับเข้าไปเที่ยวในนครวัดกันต่อครับ ซ่อมซะเขียวเด่นเป็นสง่ามาก

เจอเด็กนักเรียนแถวนั้นมาเที่ยวเหมือนกัน

ไกด์พานักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมนครวัด ลายสลักนูนต่ำตรงนี้สวยมากครับ

บรรยากาศภายในนครวัด

ลายแกะสลักที่เสา สวยดีนะครับ คล้ายๆลายไทยเหมือนกัน

ไม่แน่ใจว่าพระไทยหรือพระกัมพูชานะครับ พระทั้งสองประเทศสวมจีวรสีเดียวกัน ไม่เหมือนพระพม่าที่จะสวมจีวรสีแดงๆ หน่อย

ไปต่อกันที่นครธม อันนี้เป็นบริเวณทางเข้า รูปปั้นเทวดาเรียงรายกันไป โดนตัดเศียรไปมากกว่าครึ่ง น่าเสียดายมาก แต่ทางกัมพูชาเองก็เริ่มซ่อมแซมแล้ว สังเกตจากเศียรของเทวดาบางองค์ที่จะเป็นใหม่ๆ

บริเวณประตูของนครธมเช่นกัน

ปราสาทแรกในเขตนครธมก็จะเจอกับปราสาทบายนครับ เป็นปราสาทที่มีหน้าเยอะๆ

หน้าใหญ่มาก

ข้างในปราสาทแทบทุกปราสาท (ไม่เฉพาะแค่ที่นี่) ก็จะมีพระพุทธรูปแบบนี้แหละครับ แต่ที่มีธูปเทียนให้ไหว้จะมีเฉพาะที่ใหญ่ๆ ดังๆ หน่อย ปราสาทโนเนมก็จะเป็นพระพุทธรูปตั้งเฉยๆ

เก็บภาพปราสาทบายนไปเรื่อย จริงๆ ผมว่าที่เด็ดสุดของนครธมก็บายนนี่แหละครับ

ตอนแรกดูผ่านๆ นึกว่ากองหินพวกนี้เป็นส่วนหนึ่งของปราสาท ดูไปดูมาคือเป็นชิ้นส่วนปราสาทที่มากองรวมไว้รอการบูรณะครับ

ผมชอบถ่ายเด็กนะ มีชีวิตชีวา ได้ภาพดีๆ เยอะ แต่เดี๋ยวนี้ไปเที่ยวไหนเจอแต่เด็กมา Hard Sell ผู้ปกครองใช้ความน่ารักของเด็กมาหากินจริงๆ
นานๆจะเจอเด็กธรรมดาๆ ไม่มาขายของ 😀

ทางเดินภายในลานพระเจ้าขี้เรื้อน งานแกะสลักสวยดีครับ

หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จเราก็ไปต่อกันที่ปราสาทเจ้าสายเทวดา อันนี้ไม่ค่อยมีอะไร แต่อยู่ใกล้ๆ นครธมก็เลยแวะ

ข้างในมีแม่ขีมายื่นธูปให้ แล้วแต่เราจะบริจาค เป็นแบบนี้เกือบทุกปราสาทครับ

ตรงข้ามจะเป็นปราสาทธมมานน ก็ไม่มีอะไรเท่าไหร่เช่นกัน

ตุ๊กๆเป็นพาหนะหลักที่นักท่องเที่ยวนิยมใช้กัน

พระพุทธรูปถ้าเป็นวัดที่โนเนมหน่อยก็จะไม่ธูปเทียนอลังการเหมือนในนครธมครับ อันนี้เหมือนจะเป็นปราสาทตาแก้ว

น้องแกนั่งเขี่ยพื้นอยู่นานมาก ตอนแรกนึกว่าจะมาขายของแต่ก็ไม่ขาย ถ่ายรูปซะเลย

เราไปต่อกันที่ปราสาทตาพรหม สถานที่ที่ผมชอบที่สุดแล้วในทริปเสียมเรียบ

มีต้นไม้เต็มปราสาทเลย คือเรื่องศิลปะอะไรพวกนี้ไม่ได้ต่างอะไรจากปราสาทอื่นนะครับ แต่มันคลาสสิคตรงต้นไม้นี่แหละ

นักท่องเที่ยวก็จะชอบมาถ่ายรูปกัน

อันนี้เป็นรากไม้งอกผ่านหน้านางอัปสรพอดี จุดถ่ายรูปอีกจุดของปราสาท

ต้นไม่งอกเต็มเลย สวยดีครับ

เราไปต่อกันที่ปราสาทบันทายกเดย ใกล้ๆ กับปราสาทตาพรหม ปราสาทนี้ใหญ่ใช้ได้ แต่ผมว่าก็ไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่

พ่อค้าปูพื้นขายงานศิลปะ

แม่ชีท่านนี้กำลังสูบบุหรี่อยู่ พอยกกล้องถ่ายเท่านั้นแหละ รีบเอาไปเก็บเลย 55

พนักงานดูแลปราสาท

เสร็จแล้วเราก็ไปต่อกันที่การชมพระอาทิตย์ตกที่ปราสาทแปรรูป แต่วันนี้เมฆเยอะเลยไม่เห็นครับ ถ่ายเด็กน้อยแทน

เราจบทริปวันนี้ด้วยการไปกินบุฟเฟต์นานาชาติ พร้อมชมการแสดงระบำอัปสราที่ห้องอาหาร Angkor Mondia Restaurant
ราคา $12 อาหารธรรมดามาก การแสดงก็โออยู่ครับ แต่โดยผมชอบคุ้มขันโตกที่เชียงใหม่มากกว่าเยอะ

ลักษณะการแสดงก็จะคล้ายๆ รำไทย แต่ผมก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญก็แยกไม่ออกเหมือนกันครับว่าต่างกันยังไงบ้าง

นางรำรำคู่กับฉากหลังที่เป็นปราสาท ผมว่าคลาสสิคดีนะ

25 ก.พ. 2556
วันนี้เราจะแวะเที่ยวกันที่โตนเลสาบก่อนกลับ ระหว่างทางเลยถ่ายคนขับมอเตอร์ไซค์ข้างทาง

โตนเลสาบเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ดูน้ำไม่ค่อยลึกนะครับ ชาวบ้านก็สร้างบ้านกันอยู่บนทะเลสาบเลย เลี้ยงหมาเลี้ยงแมวกันบนนี้แหละ

โรงเรียนก็อยู่บนน้ำ

เหมือนอันนี้จะเป็นเอกลักษณ์ของทะเลสาบ คือเด็กนั่งในกะละมังและมีงู (มาขอตังค์)

ภาพจากมุมสูง โดยรวมผมเฉยๆนะครับ ก็โออยู่ แต่ทะเลสาบอินเลของพม่าดีกว่าเยอะ

เถ้าแก้น้อย นั่งนับเงิน

ก่อนกลับเจอเด็กใช้น้ำทะเลสาบแปรงฟัน โอว นายกล้ามาก

ก็จบลงแล้วนะครับสำหรับทริปเสียมเรียบของผม หวังว่าจะมีประโยชน์นะครับ ^.^ พบกันใหม่ทริปหน้าครับ