จริงๆ บทความนี้ผมเขียนลงครั้งแรกในพันทิปครับ แต่รู้สึกว่าควรเอามาไว้ Blog ตัวเองด้วย ก็เลยก็อปมาครับ อันนี้ก็เป็นทริปตั้งแต่ปลายปี 2557 แล้ว หลายๆ อย่างอาจจะเปลี่ยนไปบ้างเหมือนกันครับ
สวัสดีครับ ได้มีโอกาสไปเที่ยวประเทศมาเลเซียมาเมื่อ 30 พ.ย. – 10 ธ.ค. 57 ที่ผ่านมาครับ เที่ยวไล่ลงไปเรื่อยๆตั้งแต่ลังกาวี ปีนัง KL จนไปสุดที่มะละกาครับ จึงอยากนำประสบการณ์มาแชร์ครับ
สารบัญ
- เที่ยวมาเลเซีย (ลังกาวี-ปีนัง-กัวลาลัมเปอร์-มะละกา) 11 วัน ตอนที่ 1
- เที่ยวมาเลเซีย (ลังกาวี-ปีนัง-กัวลาลัมเปอร์-มะละกา) 11 วัน ตอนที่ 2
- เที่ยวมาเลเซีย (ลังกาวี-ปีนัง-กัวลาลัมเปอร์-มะละกา) 11 วัน ตอนที่ 3
- เที่ยวมาเลเซีย (ลังกาวี-ปีนัง-กัวลาลัมเปอร์-มะละกา) 11 วัน ตอนที่ 4
30 พ.ย. 57: เดินทางไปลังกาวี
ผมเดินทางด้วยสายการบิน Lion air ไปลงสนามบินหาดใหญ่ ออกจากกรุงเทพฯเวลา 9:50 น. ไปถึงหาดใหญ่ 11:15 น. หลังจากนั้นก็รอรถสองแถวอีกประมาณ 30 นาทีเพื่อไปขึ้นรถตู้ที่ตลาดเกษตร ค่ารถ 20 บาท สรุปว่ากว่าจะซื้อตั๋วรถตู้กว่ารถจะออกก็ราวๆ เที่ยงครึ่ง ใช้เวลาเดินทางไปท่าเรือตำมะลังราว 2 ชั่วโมง สรุปว่าไปถึงท่าเรือราว 14:30 ทันเรือรอบสุดท้ายเวลา 16:00 พอดี ก็ซื้อตั๋วราคา 300 บาท แล้วนั่งกินอาหารที่โรงอาหารรอ แต่เวลาที่ผมไปถึงร้านอาหารปิดกันจะหมดแล้ว
เรือเหมือนจะมีสามรอบครับ ถ้าจำไม่ผิด 9:30, 13:30 และ 16:00 ครับ ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินหาดใหญ่มาท่าเรือรวม 3 ชั่วโมงกว่าๆ เพราะงั้นถ้าอยากมาทันรอบบ่ายโมงก็อาจจะต้องออกจากกทม.แถวๆ 8 โมงครับ
สภาพภายในเรือเป็นแบบนี้ วันที่ผมไปไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ (ส่วนใหญ่นั่งอยู่อีกชั้นนึงที่ขี้นบันไดไป แต่คนก็น้อยอยู่ดีครับ)

Alida แบ็คแพคเกอร์ชาวเยอรมนีที่เจอแถวท่าเรือ มาคนเดียวแล้วสื่อสารไม่ค่อยได้ ผมเลยช่วยเป็นล่ามให้ เลยได้เดินทางด้วยกันจนถึงที่เกาะครับ

ผมอยู่บนเรือราวชั่วโมงกว่าๆ ไปถึงท่าเรือ Jetty Point ราวๆ หกโมงกว่า เพราะเวลาที่มาเลเซียเร็วกว่าไทยหนึ่งชั่วโมง ผมจองที่พักไว้ที่เมือง Kuah ครับ ชื่อ Amara Guesthouse ราคาคืนละ 977 บาท ก็เลยนั่ง taxi เข้าไปที่เมือง ไม่กี่นาทีถึง (จริงๆ อยู่ในระยะที่เดินได้ด้วยครับ แต่ตอนนั้นไม่รู้ที่ทางเท่าไหร่)
Amara Guesthouse พอไปถึงพักเหนื่อยอยู่ซักระยะ อันนี้ถ่ายไว้ก่อนออกมาตอนค่ำๆครับ

สำหรับ Amara Guesthouse นี้ เอาจริงๆผมไม่ค่อยแนะนำเท่าไหร่ครับ คือดูในรูปจาก Agoda อาจจะดูดี แต่สภาพห้องจริงๆ ไม่ได้ดีมาก ประมาณโรงแรมราคา 300-400 บาท ภายในห้องไม่มีผ้าเช็ดตัวให้ wi-fi ก็ไปไม่ถึงในห้อง แต่เจ้าของเขาดีนะ (ขากลับเขาขับรถไปส่งผมฟรีที่ท่าเรือด้วย) ก็ถามเจ้าของว่ามีรถให้เช่าไหม เขาก็บอกว่ามีอยู่ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะเอามาให้ดู
ผมคิดว่าจริงๆ แล้วเราอาจจะไม่ได้จำเป็นที่ต้องพักที่เมือง Kuah ก็ได้ครับ ผมรู้สึกว่าไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ และค่อนข้างไกลจากแหล่งท่องเที่ยว ส่วนตัวผมว่าไปพักแถวชายหาดใกล้ๆ สนามบินก็ได้ครับ แถว Pentai Cenang อะไรแบบนั้น เย็นๆ เดินไปหานั่งบาร์กินเบียร์ริมหาดอะไรไป ตอนกลางวันก็เที่ยวง่าย
หลังจากนั้นผมก็เดินเล่นในเมืองไปทาง Jetty Point ไปเรื่อย ไม่นานก็ไปถึงท่าเรือ ก็เดินไปซื้อซิมการ์ดในห้างแถวนั้น ผมซื้อของ Prepaid ของ Tune จำราคาไม่ได้เหมือนกันครับ ผมซื้อมา 1 GB ใช้ได้ภายใน 1 เดือน ตลอดทริปนี้ก็ใช้ไม่หมดนะครับ ส่วนใหญ่เน้นใช้ wi-fi ตามโรงแรม/ร้านกาแฟ
ระหว่างทางผ่าน Masjid Al-hana เหมือนจะเป็นมัสยิดหลักของเมือง แต่ไม่ได้เข้าไปนะครับ เขาทำพิธีอะไรกันอยู่ไม่รู้อ่า คนเยอะเลย

เย็นวันนั้นก็กินข้าวที่ร้านอาหารแถวท่าเรือครับ ผมไม่รู้จักร้านนะ เห็นคนเยอะดีเลยเดินเข้าไปสั่งเลย อาหารมาเลย์ผมว่าโดยรวมก็คล้ายๆ ของไทยนะ ข้าวผัด ผัดหมี่ สะเต๊ะ อะไรแบบนั้น

เห็นเขาย่างสะเต๊ะน่ากินดี เลยสั่งมากินซะหน่อย จำราคาไม่ได้แล้ว แต่จำได้ว่าไม่แพง

สะเต๊ะบ้านเขารสชาติจะคล้ายๆ บ้านเรา แต่เนื้อที่เอามาใช้ทำต่างไป เน้นไก่ วัว แกะ และเขากินกับข้าว (ที่เห็นเป็นก้อนสีขาวๆ ครับ อันนั้นคือข้าวเอามาทำเป็นก้อน ถ้าผมเข้าใจไม่ผิดนะ 55)

หลังกินข้าวเสร็จก็ค่อนข้างดึกแล้ว เลยเดินกลับโรงแรม ขากลับมืดและเปลี่ยวมาก แอบน่ากลัวอยู่เหมือนกัน ถ้าไม่มีรถนี่อย่าพักที่ Kuah เลยครับ
1 ธ.ค. 57: เที่ยวลังกาวี
วันนี้เป็นวันที่ผมตั้งใจจะขับรถเที่ยวที่เกาะ ตื่นมาสายอยู่เลยไม่ได้ไปไหนเยอะ ลงมาล็อบบี้โรงแรม เจ้าของโรงแรมก็พาไปดูรถ รถค่อนข้างเก่า เช่า 24 ชม. ราคา 70 RM ก็โอเคอยู่นะครับ (จริงๆควรจะถ่ายรูปรถไว้ในขั้นนี้ แต่ผมก็ไม่ได้ทำ) หลังได้รถก็ตระเวนหาปั๊มน้ำมัน น้ำมันที่นี่เราต้องเติมเองครับ จอดรถทิ้งไว้แล้วเดินไปซื้อในมินิมาร์ท ผมเติมไปก่อน 20 RM ก่อนจะมาเติมทีหลังอีก 20 RM ช่วงเย็น
จริงๆ เติม 20 RM ก็ควรจะพอ แต่รถคันที่ผมขับนี่ ขับไปถึงช่วงเย็นแล้วมันแปลกๆ คือเวลาขับขึ้นเนินจะขึ้นไฟเตือนน้ำมันใกล้หมด แต่พอขับระดับปกติหรือลงเนินไฟจะดับไป ผมก็เลยงงๆว่าสรุปจะหมดหรือไม่หมด – -” เลยเติมไว้ก่อนไปเลยครับ อีกอย่างคือ ถ้าผมเขตเมืองไปแล้วปั้มน้ำมันแอบหายากนะครับ หมดกลางทางนี่ไม่สนุกแน่ๆ >.<
หลังจากกินข้าวกินเรียบร้อย สรุปว่าผมทำทุกอย่างเสร็จบ่ายโมงกว่า ผมก็ไป Langkawi Cable Car เป็นที่แรกเลยครับ เพราะเห็นเขาบอกว่าถ้าฝนตกจะปิด แล้วฝนก็ทำท่าจะปิด ก็เลยไปก่อนละก้น
Langkawi Cable Car นี่ต้องขึ้นจาก Oriental Village แต่สภาพเมืองนี่ออกแนวตะวันตก

มีม้าให้ขี่ในเมืองด้วยครับ บรรยากาศคาวบอย

เขาก็กะสร้างเป็นแหล่งท่องเที่ยวแหละครับ คือถ้าจะให้มาขึ้นกระเช้าอย่างเดียวก็ดูจะไม่มีอะไรทำเกินไป เลยต้องสร้างสถานที่ท่องเที่ยวไว้ให้คนเที่ยว ในนี้ก็จะมีพวกร้านอาหาร ของที่ระลึก กิจกรรมต่างๆ ให้ทำครับ

รออยู่ไม่นานในที่สุดก็ได้ขึ้นกระเช้า

คือกระเช้านี่ค่อนข้างชันครับ นั่งไปก็หวาดเสียวอยู่ จริงๆ สาเหตุความหวาดเสียวมันน่าจะมาจากจังหวะเข้าจอดมากกว่า ค่อนข้างรุนแรง มันจะมีเหล็กแอบหลุดไปซักตัวมั้ยว้า เราก็แอบคิดในใจ คือหลังจากจอดเสร็จสถานีนึง เวลาลอยกระเช้าก็เพิ่มระดับความโยก กว่าจะถึงสถานีถัดไปก็ตื่นเต้นดีครับ
กระเช้าที่สวนกัน

ขึ้นมาถึงข้างบนก็จะมีจุดชมวิวหลายที่เหมือนกัน เหมือนจะชมวิวได้ 360 องศารอบเกาะเลยครับ ก็นำภาพวิวมาฝากกันครับ
วิวจากจุดชมวิวที่ 1

วิวจากจุดชมวิวที่ 2

อันนี้คือสถานีข้างบน

จริงๆ วันนั้นเมฆเยอะมาก รอนานเหมือนกันกว่าเมฆจะเปิดให้ถ่าย

เสียดายช่วงนี้ Sky Walk ปิดซ่อมครับ ไม่รู้เขาจะเปิดเมื่อไหร่เหมือนกัน
กว่าทุกอย่างจะเสร็จเรียบร้อยก็ค่อนข้างเย็นแล้ว ราวๆ 16:00 น. ลองดูในลิสท์แล้วที่อยากไปที่สุดคงเป็น Galeria Perdana ซึ่งเป็นแหล่งรวมของที่ระลึกที่อดีตนายกรัฐมนตรีดอกเตอร์มหาธีร์ โมฮาหมัดได้รับมาจากองค์กรหรือประเทศต่างๆ กว่า 2,500 ชิ้น เห็นบอกว่าปิด 17:30 น. เลยรีบบึ่งรถไปจากเคเบิลคาร์ ไปถึง 16:30 น.
เข้าใจว่าเป็นรูปอดีตนายกมหาธีร์ช่วงหนุ่มๆ

เพดานสวยครับ ชอบๆ

เพดานอีกห้องหนึ่ง

ไม้แกะสลักจากบาหลี

จริงๆ มีอะไรเยอะอยู่แหละครับ แต่เนื่องด้วยความรีบผมเลยไม่ได้ดูละเอียดเท่าไหร่

รถ Formula 1

มอเตอร์ไซค์แถวนั้น รุ่นนี้เห็นเยอะจริงๆ ในมาเลเซีย

หลังจากนั้นผมก็กลับไปที่ Jetty Point เพื่อซื้อตั๋วเรือไปปีนังสำหรับวันรุ่งขึ้น แต่ไปถึงราวๆ หนึ่งทุ่มร้านขายตั๋วปิดกันหมดแล้ว เลยกินข้าวเย็นและถ่ายรูปเล่นแถวนั้น ขาตั้งกล้องก็ไม่ได้เอาไป

รูปปั้นนกอินทรี สัญลักษณ์ของเกาะลังกาวีครับ

เนื่องจากรู้สึกว่ามาเที่ยวเกาะทั้งที สมควรได้กอนเบียร์เล่นริมหาด ก็เลยขับรถจาก Jetty Point ไปชายหาก Pantai Cenang จะมีถนนริมหาด (แต่ไม่เห็นหาดนะ ร้านบังหมด) ซึ่งมีร้านอาหารเปิดเรียงรายกันเต็มถนนเลยครับ เป็นประมาณถนนท่องเที่ยวกลางคืนของเมืองเขา ก็เลยนั่งบาร์กินเบียร์กับคนในร้านไป กินไปนิดเดียวครับ เน้นพูดคุย กินเสร็จก็ขับรถกลับโรงแรม

แผงลอยบ้านเขาจะเน้นขายบนรถกระบะมากกว่ารถเข็นครับ ของที่คล้ายก็คล้ายๆ เมืองไทยนะ อย่างอันนี้ก็ลูกชิ้น

และผลไม้

ก็หมดแล้วสำหรับวันนี้ครับ เตรียมตัวไปปีนังวันรุ่งขี้น
2 ธ.ค. 57: เดินทางสู่ปีนัง
วันนี้ไม่มีอะไรครับ เชคเอาท์โรงแรม เจ้าของโรงแรมให้คนไปส่งที่ท่าเรือ ผมก็ซื้อตั๋วเรือไปปีนัง ราคา 66.5 RM มีหลายรอบครับ 10:30, 14:30, 17:15 บางรอบจะแวะที่เกาะ Palau Payar ก่อน ผมว่าระยะเวลาเดินทางไม่ได้ต่างกันมากครับ น่าจะราวๆ 3 ชั่วโมงเหมือนกัน เพราะรอบที่ผมนั่งก็ผ่านเกาะ
สภาพภายในเรือ ผมขึ้นไปก่อนเฉยๆ เลยคนไม่เยอะ ตอนเดินทางจริงเยอะเหมือนกันครับ

บรรยากาศระหว่างทาง ทะเลล้วนๆ ฟ้าสวยดีครับ ออกมายืนเล่นริมทางเดินก็ลมเย็นดี

เริ่มมองเห็นปีนังแล้ว

มาถึงปีนังช่วงบ่ายแก่ๆ พอดี

แอบถ่ายสาวแถวนั้น

ท่าเรือนี้ชื่อ Swettenham Pier ครับ เรือจากลังกาวีจะลงที่นี่ เหมือนจะเป็นคนละท่าเรือกับเรือที่มาจาก Butterworth


ไปถึงท่าเรือที่ปีนังราว 17:30 น. ครับ หลังจากลงเรือไปแล้วออกจากเรือมาจะมีแท็กซี่มารอรับเยอะอยู่ แต่ผมได้ข่าวมาว่าแพง บวกกับโรงแรมที่ผมพักดูไม่ได้ไกลจากท่าเรือมาก ก็เลยเดินไปซึ่งพอเดินจริงก็แอบรู้สึกว่าไกลอยู่ 55
ผมพักแถวๆ Love lane ซึ่งเป็นเขตเมืองเก่าของที่นั่น พักที่ Old Penang Guesthouse ราคาคืนละ 29 RM สภาพโดยรวมก็โอเคครับ โฮสเทลแถวนี้น่าจะเหมือนๆ กันหมด ก็เป็นดอร์มแบบหลายๆ เตียงทั่วไป

อันนี้ภาพจากเช้าวันรุ่งขึ้นครับ

ผมว่าเอาจริงๆไม่จำเป็นต้องพักแถวเมืองเก่าก็ได้ครับ พักแถว Komtar อาจจะสะดวกกว่า เพราะรถเมล์เกือบทุกสายยังไงก็ต้องผ่าน Komtar ถ้าอยากไปเที่ยวเมืองเก่าก็แค่นั่งรถเมล์ไปลงเมืองเก่า
Love Lane ช่วงไปถึง

Love Lane ช่วงค่ำๆ

ตอนเย็นก็เดินเล่นในเมืองไปเรื่อยครับ แถวที่ผมพักจะมีคนมาชวนไป sex massage ด้วย เป็นสาวยืนอยู่ริมถนน ตอนแรกก็งงยิ้มให้ สงสัยเพราะเราเป็นนักท่องเที่ยว ซักหน่อยเดินมาถาม “Sex massage ไหม โรงแรมเราอยู่ตรงนั้น 100 RM เอง” แล้วมีแบบนี้เต็มถนนเลย แต่ผมไม่ได้ลองนะ 55
มื้อเย็นก็กินอาหารอินเดียแถวนั้นครับ จริงๆ ประเภทร้านอาหารในมาเลเซียที่เห็นเยอะๆ ก็ตามประชากรเขาแหละครับ อาหารอินเดีย อาหารมาเลย์ อาหารจีน
ก็จบแล้วครับสำหรับตอนที่ 1 🙂
สารบัญ
- เที่ยวมาเลเซีย (ลังกาวี-ปีนัง-กัวลาลัมเปอร์-มะละกา) 11 วัน ตอนที่ 1
- เที่ยวมาเลเซีย (ลังกาวี-ปีนัง-กัวลาลัมเปอร์-มะละกา) 11 วัน ตอนที่ 2
- เที่ยวมาเลเซีย (ลังกาวี-ปีนัง-กัวลาลัมเปอร์-มะละกา) 11 วัน ตอนที่ 3
- เที่ยวมาเลเซีย (ลังกาวี-ปีนัง-กัวลาลัมเปอร์-มะละกา) 11 วัน ตอนที่ 4