ช่วงวันที่ 6-15 เม.ย. 2556 ได้มีโอกาสไปเที่ยวญี่ปุ่นครับ เคยเขียนรายละเอียดลงใน blog เก่า และแชร์รูปไว้ใน Facebook แต่รู้สึกว่าควรเอารีวิวทริปท่องเที่ยวทั้งหมดมาไว้ Blog ตัวเองด้วย จึงเกิดเป็นบทความนี้ขึ้นมาครับ
สารบัญ
- เที่ยวญี่ปุ่น (โอซาก้า นารา เกียวโต ฟูจิ โตเกียว) 10 วัน ตอนที่ 1
- เที่ยวญี่ปุ่น (โอซาก้า นารา เกียวโต ฟูจิ โตเกียว) 10 วัน ตอนที่ 2
- เที่ยวญี่ปุ่น (โอซาก้า นารา เกียวโต ฟูจิ โตเกียว) 10 วัน ตอนที่ 3
11 เมษายน 2556: Lake Kawaguchiko
วันนี้ผมจะเดินทางไปภูเขาไฟฟูจิครับ ทีนี้ที่เขาฮิตๆกันมันก็มีสองที่คือ ทะเลสาบรอบๆภูเขาไฟ มี 5 แห่ง แต่ที่ฮิตสุดก็คือคาวากุจิโกะนี่แหละครับ อีกแห่งคือที่เมืองฮาโกเน่ สืบมาเห็นว่าคาวากูจิโกะถ่ายรูปสวยกว่า เลยมาที่นี่ครับ
การเดินทางไปคาวากูจิโกะนั้น ผมว่านั่งรถบัสดีสุด ประมาณ 2 ชม.ครึ่ง ราคา 1,700 JPY ขึ้นที่ชินจูกุออกทางประตูตะวันตก เลี้ยวซ้ายไปไม่ไกล ที่ขายตั๋วจะอยู่ตรงข้ามร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า Yodobashi Camera ขากลับผมลองนั่งรถไฟดู ต้องนั่งสองต่อ ต่อแรก 1,110 JPY ไปลงสถานี Otsuki ต่อสองกลับเข้าเมือง 1,280 JPY (แต่ถ้ามี JR pass ไม่ต่องเสีย) รวมสองต่อใช้เวลาเท่าๆ บัส
บนฟูจิจะหนาวกว่าในเมือง วันที่ผมไปตอนเย็นๆ นี่ 4 องศา ไม่ได้เตรียมชุดไว้แบบกันหนาวเลย วิ่งหนีหนาวเข้ารถไฟอย่างกับหนีระเบิดนิวเคลียร์ ดีที่บนรถไฟมีฮีทเตอร์
จุดถ่ายรูปที่ทะเลสาบคาวากูจิโกะ (Lake Kawaguchiko) จะมีสามที่ สองที่อยู่คาวากูจิโกะ อีกหนึ่งอยู่ที่ทะเลสาบไซโกะ (Lake Saiko) ถ้าจะเก็บให้ครบจริงๆ ควรไปแต่เช้า เพราะจะไม่ทัน รถบัสทะเลสาบ (retro bus) หมด 5 โมงกว่าๆ และ 30 นาทีมาคัน
ที่ผมอยากไปแต่ไม่ได้ไป (ไม่ทัน) คือถ้ำที่อยู่รอบๆทะเลสาบไซโกะ เห็นเขาบอกศูนย์องศาตลอดปี ใช้เก็บน้ำแข็งได้ และแถวๆ ทะเลสาบมีสวนสนุก Fuji Q Highland แต่ผมไม่ได้เล่นนะ
อันนี้ก็เป็นบรรยากาศแถวชินจูกุครับ

ผมไปดูภูเขาฟูจิที่ทะเลสาบคาวากูจิโกะ (Lake Kawaguchiko) หนาวมากๆ แต่ถ้าเตรียมเสื้อกันหนาวมาดีๆ นี่มาเดินชิลรอบทะเลสาบมันจะฟินมากเลยนะ

ถ่ายรูปมาเยอะอยู่ แต่รู้สึกมันก็ซ้ำๆ เลยลงรูปเดียวละกันครับ 55
12 เมษายน 2556: Tokyo
จากนี้ไปก็จะเป็นเที่ยวโตเกียวแล้วครับ เริ่มจากตลาดปลาซึคิจิ (Tsukiji Fish Market) ตลาดขายปลาที่ใหญ่ที่สุด มีหลายโซน โซนปลาสดๆจ ะอยู่ข้างใน โซนร้านอาหารอยู่ข้างนอก
เห็นบอกว่ากำลังจะย้ายที่แล้วครับ

ควรไปแต่เช้าๆ ผมไปถึง 11 โมง เขาขายกันหมดแล้วจ้าา !

ใกล้ๆกันจะเป็นสวนฮะมะริกิว (Hama Rikyu) เป็นสวนสาธารณะใจกลางเมือง (แต่เสียค่าเข้านะ) ผมชอบมากครับ บรรยากาศชิลๆ สวนสวยงาม ชอบมากกว่า Imperial East Garden ซะอีก (แต่อันหลังเข้าฟรีนะ)
อากาศกำลังเย็นสบาย บรรยากาศร่มรื่น เจอคนญี่ปุ่นมานอนกลางแดดพอสมควร นอนแบบนี้ที่กรุงเทพอาจเสียชีวิตได้.. ไม่ร้อนตาย ก็คนมาปล้น – -“

สวยดีครับ เห็นเป็นวิวตึกด้วย

จากนั้นก็ไปต่อที่โตเกียวทาวเวอร์ (Tokyo Tower) ขมวิวเมืองโตเกียวซะหน่อย วันที่ผมไปคนไม่ค่อยเยอะ (กำลังดี) ชมวิวเมืองชิลๆได้

สูงพอสมควรนะ ขึ้นได้สองระดับ

แสงแดดลอดเมฆมาพอดี

และปิดท้ายด้วยการไปเดินเล่นที่โอไดบะ (Odaiba) เมืองใหม่ที่สร้างขึ้นจากการถมทะเล เป็นเมืองที่เหมือนหลุดมาจากอนาคตมากนะผมว่า
อันนี้ก็เป็นพิพิธภัณฑ์มิไรคัง (National Museum of Emerging Science and Innovation) — ชื่อยาวมาก – -“ข้างในมีอะไรล้ำๆ เยอะอยู่ครับ เขาบอกว่าเด็ดสุดคือท้องฟ้าจำลอง แต่ผมไปไม่ทัน ปิดก่อน เลยได้ดูนิทรรศการรอบๆ ก็ล้ำดีครับ ถ่ายยานอวกาศมา

โลกกลมๆนี่มันจะเห็นได้จากหลายชั้น เป็นจอภาพนะ จอเล็กๆ มาต่อกันเป็นรูปโลก เขาก็จะเล่นวิดีโอไปเรื่อยตามที่เราเลือกน่ะครับ

แถวนี้จะมีกันดั้มไซส์จริงที่ DiverCity ด้วยนะครับ (ล่าสุด 2016 เห็นบอกว่ากำลังจะเอาออกแล้ว)
ออกมารอชมวิวสะพานสายรุ้งตอนค่ำๆ นั่งรอแถวคนมาตกปลา

เริ่มเย็นแล้ว

อันนี้เป็นตึกฟูจิทีวี เหมือนหลุดมาจากพวกหนังชบวนการ 5 สี ฐานทัพของฝั่งพระเอก (หรือตัวร้ายไม่รู้ 55)

แถวนี้จะมีโชว์รูมใหญ่ของโตโยต้า Toyota Mega Web คนรักรถเข้ามาน่าจะฟิน รถเยอะมาก ..แต่ไม่มีพริตตี้นะ

ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่บ้าเครื่องหยอดเหรียญ คาตาล็อกรถยังอุตส่าห์มีเครื่องหยอดเหรียญ!

ใกล้ๆ กันเป็นห้าง Venus Fort เป็นห้างที่ตกแต่งสไตล์ยุโรป พอมาอยู่นี่จริงๆ ผมว่าหลายๆอย่างญี่ปุ่นก็แอบบ้าตะวันตกนะ ไม่ได้ชาตินิยมจ๋าแบบที่คิด

อันนี้แหละครับพิพิธภัณฑ์รถโบราณ มีแต่รถสวยๆ คลาสสิคๆ

ตกแต่งสวยดี ได้บรรยากาศ

13 เมษายน 2556: Tokyo
ถึงจะเป็นประเทศที่ทุกอย่างมีในเครื่องหยอดเหรียญ แต่ก็ต้องมีคนเอาของมาเติมเครื่องนะ (แต่อย่างน้อยคงประหยัดกว่าจ้างคนมาขาย)

ตอนแรกผมกะไปที่พระราชวัง Imperial Tokyo มารู้ตอนไปถึงว่าเขาให้เข้าได้เฉพาะ East Garden ก็เลยเดินเล่นชิลๆชมสวนไป สวนนี้เข้าฟรีครับ ส่วนตัวผมชอบฮะมะริกิวมากกว่า

บรรยากาศภายในสวน

เดินออกจากสวนเพื่อไปจุดต่อไป เก็บบรรยากาศข้างทางไปเรื่อย อันนี้คนมาวิ่งออกกำลังกายกันแถวนั้น

คนญี่ปุ่นชอบเข็นลูกมาเดินเล่นกัน (อากาศแบบนี้ก็น่าเดินอยู่) เด็กญี่ปุ่นก็เดินเก่งมากนะ น้องผู้หญิงตัวนิดเดียว เดินตามพ่อตั้งไกล ต็อกแต่กๆ น่าร้าก

มาถึงชิโดริกะฟูชิ (Chidorigafuchi) จุดที่ตั้งใจไว้ว่าจะเป็นที่ดูซากุระ ไปถึงได้ดูแต่ต้นจ้าา ซากกลีบก็ยังไม่เหลือเลย T.T

จากนั้นก็ไปต่อที่วัดอาซากุสะหรือวัดเซ็นโซจิ (Sensoji Temple) วัดที่มีโคมแดงอันใหญ่ๆที่หน้าวัดน่ะครับ คนเยอะมาก วัดที่คนมาโตเกียวทุกคนต้องมา

หน้าวัดมีโคมแดงไซส์บิ๊กเบิ้ม

จำนวนคนมหาศาล

เสร็จแล้วก็ไปต่อที่ Tokyo Sky Tree ครับ สิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในโตเกียว ณ ขณะนี้ ไปถึง 16:30 ได้คิวซื้อบัตร 19:30 (นี่แค่คิวซื้อบัตรนะไม่ใช่คิวขึ้นไป) กว่าจะได้ขึ้นไปก็สองทุ่มกว่าครับ ระหว่างรอ ภายใน Tokyo Skytree ก็จะมีห้าง มีนิทรรศการ อควาเรียม ฯลฯ ให้เราทำอะไรรอขึ้นไปอยู่ครับ

ข้างบนก็คนเยอะสุดๆ ไม่สะดวกในการถ่ายรูปเท่าไหร่ แต่วิวเมืองโตเกียวตอนกลางคืนนี่ก็สวยดีนะครับ ภาพเซ็ทที่ไปถ่ายบน Tokyo Sky Tree เป็นหนึ่งในเซ็ทที่ผมห่วงว่ามันจะเละที่สุดแล้ว เพราะค่าเข้าแพง.. อ่ะ ไม่ใช่นะครับ เพราะอัด ISO ไป 4000 ขาตั้งก็ไม่มี ต้องใช้สปีดลงไปถึง 1/10 sec กลัวจะเบลอขนาด
ภาพที่ออกมาจริงก็พอทนได้อยู่ แต่ noise กระจุย ใช้ Noise reduction ก็ออกมาได้เท่านี้แหละครับ แหะๆ

วิวเมืองโตเกียว มองจากด้านบน หาที่ถ่ายยากมาก เพราะคนมหาศาลจริงๆ ถ่ายมาแบบไม่ใช่ขาตั้ง (หาย) noise กระจุย

พอดูเสร็จก็หมดวันแล้ว กลับห้องนอน
14 เมษายน 2556: Tokyo
วันนี้เป็นวันที่ผมทัวร์ตามย่างต่างๆครับ ก็ซื้อ One Day Pass แล้วก็นั่งรถไฟทัวร์ได้เลย หลักๆ ที่ใช้ก็สาย Yamanote แหละครับ เริ่มวันด้วยศาลเจ้าเมจิ (Meiji Shrine) ครับ อันนี้เป็นทางเดินเข้าไปที่ศาลเจ้า สงบร่มรื่นดี

ผมยืนดูอยู่นานมากว่าเฮียคนนี้แกเป็นคนหรือหุ่น นิ่งมากกก

ทำอะไรกันไม่รู้ แต่เดาว่าน่าจะอารมณ์ประมาณเซียมซีล่ะมั้งครับ

มีคนมาแต่งงานด้วย ผมก็ยืนดูตั้งแต่เขาแห่ขบวนเลยนะ

เสร็จแล้วใกล้ๆ กันก็จะเป็นฮาราจูกุครับ (Harajuku) กะว่าจะไปดูแฟชั่นหลุดโลกซะหน่อย อันนี้เป็นถนนทาเคชิตะ คนเยอะมาก แต่ก็ไม่ค่อยมีคนแต่งตัวแปลกๆ อะไรนะครับ เพื่อนที่ดอร์มผมบอกว่าอยากดูไปดูที่สวนสาธารณะยาโยกิ (Yayogi Park) ใกล้ๆ กันมีมากกว่า

ไปต่อที่ชิบุยะ (Shibuya) ดูรูปปั้นหมาฮะจิ ดูร้าน Sex Toys โซนม่านรูด ฯลฯ ย่านนี้เป็นย่านเศรษฐกิจครับ จะมีตึกเยอะแยะเต็มไปหมด ก็เดินดูเพลินๆ
ทางข้ามในตำนานน !! ถ่ายผ่านกระจกขุ่น เบลอเลย

ผมเป็นคนชอบของเล่นญี่ปุ่นมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว มาถึงญี่ปุ่นทั้งทีเลยแวะดูร้านของเล่นซะหน่อย.. #ผิดๆ

บรรยากาศการข้ามแยก !

ไปต่อที่อากิฮาบาระ (Akihabara) ย่านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า แหล่งรวมโอตาคุ ไปถึงก็ไม่เห็นเจอโอตาคุเท่าไหร่นะ อันนี้เป็นกันดั้มคาเฟ่ คนเยอะมาก อดเข้าเลย

มีคนมาประท้วงหรือทำอะไรไม่รู้ แอบน่ารำคาญ

โมเอ๊ะ !! มีเมดเดินไปเดินมาเยอะแยะเลยที่นี่

ก่อนกลับแวะกินแมคโดนัลด์ซะหน่อย อยากรู้ว่าต่างจากไทยมั้ย ก็ต่างจริงๆ นะครับ แต่ไม่ต่างมาก แต่ KFC นี่ต่างแบบเหมือนคนละร้านเลย

พอดีวันนี้ผมต้องรีบเข็คเอาท์ล่วงหน้า เลยรีบกลับดอร์มก่อน เย็นๆ ก็นั่งคุยกับเพื่อนในห้องนั่งเล่นไป
15 เมษายน 2556: Tokyo Disney Sea
ผมปิดท้ายทริปญี่ปุ่นครั้งนี้ด้วย Tokyo Disney Sea เพราะกลัวว่าไป Disney Land นี่จะของเด็กน้อยเกิน เอากระเป๋าจากเกสท์เฮาส์ฝากไว้ที่สถานีชินางาวะ (Shinagawa Station) แล้วลุยเลย การเดินทางไปไม่ยากครับ
เข้าไปแล้วอลังการงานสร้างมาก เก็บรายละเอียดได้แบบ โห นี่เก็บขนาดนั้นเลยหรอ คือไม่ต้องไปเล่นอะไรก็ได้นะ ไปดูแค่งานสร้างเขาก็คุ้มแล้ว แต่ส่วนตัวผมว่าแก๊งค์มิกกี้ มินนี่ ที่เดินไปเดินมานี่น่ารำคาญมาก จะไม่มีก็ไม่ได้เพราะมันคือ Disney Land 555
มีเครื่องเล่นที่ประทับใจหลายอย่างเหมือนกันครับ Fortress Exploration, StormRider (อันนี้เสียดายน่าจะเป็น 3D), Sindbad’s Storybook Voyage, 20,000 Leagues Under the Sea จริงๆ มีอันอื่นๆ ที่น่าเล่นเหมือนกันนะครับ แต่มันไม่ทันอ่ะ ดื่มด่ำบรรยากาศนานไปหน่อย
อันที่เล่นแล้วรู้สึกไร้สาระ เสียเวลามาก Toy Story Mania, The Magic Lamp Theater มีโชว์นึงที่ผมไปนั่งดูด้วย ชื่อ Big Band Beat น่าจะดีอยู่มั้งครับ คนต่อแถวยาวมาก แต่ผมเข้าไม่ถึง หลับจ้า 55
ใครสนใจลองเข้าไปดูรายละเอียด เครื่องเล่น หรือโชว์ต่างๆ ที่เว็บของ Disney Sea ได้ครับ ส่วนตัวผมคิดว่าที่นี่เน้นธีมตะวันตกมากไป ทั้งๆ ที่จริงๆ ญี่ปุ่นมี material หลายอย่างมากที่เอามาทำในแบบของตัวเองได้ แต่ก็นะ ก็เจ้าของเขาเป็นตะวันตกอ่ะ

เข้าไปเจอขบวนพาเหรด ใสๆ ชวนให้นึกถึงพวกซีรีย์ญี่ปุ่นยุคปี 90s

มิคกี้เมาส์มาเต้น

งานออกแบบโดยรวมค่อนข้างตะวันตกมาก รู้สึกแปลกๆ นิด เหมือนกันครับ เมืองเป็นแบบยุโรปแต่หน้าคนเดินเป็นเอเชีย

งานสร้างเขาเนี้ยบจริงๆนะ เก็บรายละเอียดดีมาก มาดูเฉยๆ ก็คุ้มแล้ว ไม่ต้องเล่นก็ได้ อันนี้เป็นเครื่องเล่นนึง ที่เป็นลิฟท์ให้เราร่วงจากที่สูงๆ น่ะครับ

ข้างในเป็นเมืองของเล่นใหญ่พอตัว แต่เครื่องเล่นไม่หนุกเลย เด็กน้อยเกิน = =

นี่ร้านอาหารนะ พี่แกเล่นทำเป็นเรือทั้งลำเลย ส่วนผมกินข้าวปั้นเซเว่นที่ซื้อเข้ามาในสวนสนุกด้วย จน T.T

เด็กน้อยนั้งดูวงดนตรี ดูน้องไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมนะครับ 55 แต่เด็กญี่ปุ่นน่ารักดี

StormRider อันนี้เป็นเครื่องบินจำลอง สนุกดี อันนี้แหละผมว่าบรรยากาศอนิเมะญี่ปุ่นที่สุดแล้ว

งานออกแบบธีม มองไปไกลๆ มีเครื่องบินตกอยู่

เจอแก๊งค์เจ้าหญิงจัสมิน เดินมากับจาฟาโซนอาหรับนี่ก็ออกแบบดีมาก ได้อารมณ์ทาทูอินในสตาร์วอร์

เจอเงือกเกยตื้นแถวนั้น !

ภาพนี้ตอนถ่ายก็ลุ้นครับว่าจะเป็นไง เกาะเงือกที่ Disney Sea ของจริงสวยมากนะครับ เป็น theme ที่ผมว่าออกแบบฉากได้สวยที่สุดแล้ว
ISO 4000 เหมือนกันครับ speed 1/40 แต่ภาพนี้ไม่ได้ถ่าย raw มา

โซน Mermaid Lagoon ของจริงสวยมาก เหมือนโลกใต้ทะเลจริงๆ เลย

20,000 Leagues Under the Sea อันนี้ก็ออกแบบดี อารมณ์ steampunk

เดินครบรอบ หมดหนึ่งวันพอดี ถามว่าเล่นได้ครบมั้ย ก็คงไม่ล่ะครับ เครื่องเล่นเขาเยอะอยู่ ต้องเลือกเอา
อันนี้โซนเมดิเตอเรเนียนตอนเย็นๆ สวยดีครับ

16 เมษายน 2556: Home
ออกเดินทางจาก Haneda Airport เวลา 23:45 น.ของวันที่ 15 ครับ หลับๆ ตื่นๆ มาตลอดทางก็มาถึง KL 6:35 น. ต่อเครื่อง 8:25 น. สุดท้ายมาถึงไทย 9:30 น. ครับ
ก็จบแล้วครับสำหรับทริปญี่ปุ่นนี้ พบกันใหม่โอกาสหน้าครับ ^.^
สารบัญ
- เที่ยวญี่ปุ่น (โอซาก้า นารา เกียวโต ฟูจิ โตเกียว) 10 วัน ตอนที่ 1
- เที่ยวญี่ปุ่น (โอซาก้า นารา เกียวโต ฟูจิ โตเกียว) 10 วัน ตอนที่ 2
- เที่ยวญี่ปุ่น (โอซาก้า นารา เกียวโต ฟูจิ โตเกียว) 10 วัน ตอนที่ 3
อ่านครบเลยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ