เมื่อช่วงวันที่ 29 ก.ย. ถึง 6 ต.ค. 62 ที่ผ่านมา ผมไปเที่ยวลอนดอนและรอบ ๆ มาครับ เนื่องจากผ่านมานานแล้ว ด้วยงานด้วยกิจกรรมต่าง ๆ ไม่มีเวลามาเขียน blog สายท่องเที่ยวเลยครับ จริง ๆ ผมจำรายละเอียดปลีกย่อยในทริปไม่ค่อยได้แล้ว ดังนั้นคงเป็นเน้นบรรยายภาพมากกว่า ที่เหลือก็ใส่รายละเอียดเท่าที่นึกออก
ความคิดเห็นต่อทริปนี้โดยรวม
- ส่วนตัวผมประทับใจมาก ๆ นะครับ ผมไปเมืองหลวงในยุโรปมาหลายประเทศ แต่ละเมืองก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่ลอนดอนเป็นเมืองที่ผมประทับใจในระดับ Top 5
- เป็นเมืองที่มีความสวยงามแบบดูไม่ต้องพยายาม สวยแบบพอดี ๆ บ้านเรือนตกแต่งพอน่ารักไม่ได้เน้นอลังการเข้าว่า คืออย่างปารีสนี่คือสวยแบบเวอร์วัง แต่ลอนดอนไม่ใช่แบบนั้น ผมว่าใกล้เคียงสุดคืออัมสเตอร์ดัม แต่ลอนดอนสวยกว่า ในขณะเดียวกันก็มีความขลังบางอย่างเนื่องจากเป็นเมืองใหญ่เก่าแก่มาเนิ่นนาน
- เนื่องจากเป็นเมืองใหญ่ มีประชากรกว่า 10 ล้านคน สถานีรถไฟฟ้าก็มีความแออัดอยู่บ้าง (และเปิดฮีตเตอร์ร้อนมาก แบบต้องร้อนขนาดนี้ไหม) แต่เมืองโดยรวมก็มีความสะอาดสะอ้าน ไม่ได้ดูสกปรกและแออัดเหมือนปารีส
- ด้วยความเป็นเมืองศูนย์กลางของทวีป แถมยังเป็นประเทศที่เคยเป็นจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่มาก จึงมีอะไรให้ทำมากมายในเมือง ทั้งสายศิลปะวัฒนธรรม สายประวัติศาสตร์ สายกีฬา สายวิทยาศาสตร์ ฯลฯ ผมว่าจริง ๆ อยู่ทั้งเดือนยังไม่รู้จะเที่ยวหมดไหม
- เพื่อนผมที่อยู่อังกฤษมามักบอกว่าคนอังกฤษกลุ่มหนึ่งมีความเหยียดคนเอเชียบางอย่าง จริง ๆ ผมว่าคนเหยียดก็คงมีทุกประเทศ (แม้จะไม่เคยเจอที่สวีเดนเลย) แต่ในทริปนี้ผมก็ไม่ได้รู้สึกว่าโดนเหยียดอะไร
ทิปเล็กทิปน้อย
- ทริปนี้ผมไม่ได้วางแผนอะไรเท่าไหร่เลยครับ ซื้อหนังสือ”อังกฤษ เล่มเดียวเที่ยวได้จริง” ของสำนักพิมพ์ The Letter แล้วก็เปิด ๆ ดูลิสท์มาว่าอยากไปอะไรบ้างแล้วก็ไปตามนั้นเลย ทันก็ดีไม่ทันก็ skip อีกอย่างแต่ละวันเราก็ไม่ได้รีบกันเท่าไหร่ด้วย ก็เลยเป็นทริปที่ไม่ได้เก็บแลนด์มาร์คอะไรมากมายครับ
- เนื่องจากไม่ได้วางแผนมาก แม้แต่การทำวีซ่าก็กระชั้นชิดมาก เลือกทำแบบเร่งด่วน เขาบอกประมาณ 5 วันทำการได้ ของผม 3 วันได้ครับ อีก 1 วันก็ส่งมาถึงที่ขอนแก่น
- เวลาไปดูละครเวที แนะนำยอมจ่ายแพงเลือกที่นั่งดี ๆ ดีกว่า พวกผมจ่ายถูกบัตร 35 ปอนด์ ไม่เห็นอะไรเลย เวทีก็เห็นแค่ครึ่งเดียวเพราะที่นั่งข้างหน้าบัง หน้าคนแสดงก็ไม่เห็น
- ผมซื้อ Oyster card จากที่สนามบินเลย สะดวกดีนะครับ ผมซื้อเป็นระบบที่จะมีเพดานไว้ ถ้าเราเสียค่าโดยสารถึงค่าหนึ่ง (เหมือนคุ้น ๆ ว่า 11 ปอนด์) วันนั้นก็จะไม่เสียอีกแล้ว เดินทางส่วนใหญ่ในเมืองใช้ได้หมด ยกเว้นถ้าไปนอกเมืองหรือเมืองอื่นก็ค่อยซื้อตั๋วรถไฟระหว่างเมือง
- ตั๋วรถไฟทั้งภายในลอนดอนและระหว่างเมืองจะมีระบบช่วงเวลาเร่งด่วน (peak time) คือราคาในช่วงเวลาเร่งด่วน (เช้า ๆ ที่คนไปทำงานกับเย็น ๆ ที่คนเลิกงาน) จะสูงกว่าราคาอื่น ๆ เวลาซื้อต้องดูดี ๆ ครับ เราสามารถเลือกแบบ off-peak ได้ถ้าไม่ได้จะรีบไปไหน เริ่มที่ 9 โมงกว่า ๆ
- ไป Oxford ควรรีบไปแต่เช้า เพราะหลาย ๆ วิทยาลัยปิดเร็วมาก ส่วน Bicester village outlet อันนี้ไว้ดักทัวร์จีน ของไม่ได้ถูกอะไรมากมาย ไม่ต้องไปก็ได้
- การไปดูสโตนเฮนจ์ แนะนำว่าขับรถไปหรือไม่ก็ซื้อทัวร์ไปดีกว่าครับ ไปด้วย public transport นี่มีความไม่เวิร์ค
- อย่างอื่นจำไม่ได้แล้วครับ
รีวิวที่พัก
ทริปนี้พักที่ The Cleveland Arms ครับ เป็นการเช่าอพาร์ทเมนท์ทั้งห้อง เป็นอพาร์ทเมนท์เก่า ๆ นิดมีความคลาสสิค มีห้องนั่งเล่นห้องนอนห้องน้ำ ส่วนตัวผมค่อนข้างชอบเลยนะครับ แต่แพงไปนิด อยู่ใกล้สถานี Paddington ไปไหนมาไหนก็ง่ายอยู่ ข้อเสียคือไม่มีลิฟท์ ขนของลำบาก และไม่มีไมโครเวฟ ข้อเสียอีกอย่างคือไม่มีคนเฝ้า เวลาเช็คอินเช็คเอาท์ต้องไปที่สำนักงานของเขาซึ่งอยู่คนละฟากของเมืองเลย แถมวันเช็คเอาท์ยังต้องขนของไปฝากไว้ที่สำนักงานเขาด้วยถ้าเราไม่ได้ตรงไปสนามบินเลย
29 ก.ย. 62: ย่าน West End
ผมออกเดินทางจากประเทศไทยเวลาตี 1 กว่า ๆ มาถึงลอนดอน 7 โมงกว่า ๆ กว่าจะเข้าที่พักกว่าไปหาปุ๊กกว่าจะออกมาเที่ยวก็บ่ายแก่ ๆ แล้ว เลยไม่ได้เที่ยวอะไรมากครับ



Piccadilly Circus
หลังจากเก็บของเข้าที่พักเรียบร้อย เราก็เริ่มต้นที่แรกกันที่ Piccadilly Circus ซึ่งเป็นวงเวียนเก่าแก่ที่เป็นจุดตัดของรถไฟฟ้าหลายสาย มีความโดดเด่นด้วยป้ายโษณา LED จำนวนมากคล้าย Times square ที่นิวยอร์ก






Leicester Square
ย่านนี้เต็มไปด้วยโรงละคร (theater) และก็มีสวนเล็ก ๆ ให้คนพักผ่อนหย่อนใจ



China Town
ย่านนี้ของกินเยอะ จริง ๆ ผมว่าความเป็น China town นี่มันแผ่ขยายออกไปนอกเขต China town แล้วนะครับ มีร้านเอเชีย ๆ เยอะเลยในย่านนี้ อาหารเอเชียอร่อย ราคาไม่แพง และมีความคิดสร้างสรรค์ ชาวอังกฤษและนักท่องเที่ยวชอบกินกัน อีกอย่างคนเอเชียในลอนดอนก็เยอะด้วยแหละครับ ร้านชานมไข่มุกนี่คนแน่นร้าน



Covent Garden
เป็นตลาดเก่าแก่ มีการแสดงเปิดหมวดรอบ ๆ เยอะ เป็นแหล่งช้อปปิ้งมีร้านแบรนด์ต่าง ๆ มากมาย ย่านนี้มี Apple store ด้วยครับ (อีกที่คือที่ Oxford street)




ก็หมดแล้วครับสำหรับวันแรก กลับโรงแรมพักผ่อนครับ
30 ก.ย. 62: Natural History Museum, Tower Bridge
วันนี้เริ่มวันที่ Natural History Museum ครับ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ค่อนข้างใหญ่ กว่าจะเดินครบก็นานอยู่ เสร็จแล้วก็ไปเดินเลาะแม่น้ำเทมส์ไปยัง Tower Bridge ต่อครับ
Natural History Museum
เป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับธรรมชาติ เช่น กระดูกของสัตว์ต่าง ๆ, กระดูกไดโนเสาร์, หินแร่ต่าง ๆ เป็นต้น







Royal Albert Hall
อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกันกับ Natural History Museum (จริง ๆ มีหลายพิพิธภัณฑ์เหมือนกันครับในบริเวณนี้) เป็นอาคารแสดงดนตรีชื่อดัง ผมไม่ได้เข้าไปเหมือนกันครับ


จากนั้นผมก็เดินทางต่อไป Tower Bridge ระหว่างทางพบเห็นอาคารต่าง ๆ มากมาย (แต่ไม่ได้เข้าไปนะครับ)
HMS Belfast

London City Hall


Tower of London

Tower Bridge



Burger & Lobster
ปิดท้ายด้วยการไปกินกุ้งที่ Burger and Lobster ร้านอาหารชื่อดังแห่งหนึ่งของเมือง (มีหลายสาขานะครับ)


1 ต.ค. 62: Buckingham Palace, St James’s Park, Westminster, Oxford Street, British Museum
วันนี้กว่าจะออกจากที่พักกันก็สายพอสมควรแล้ว เลยตรงไปดูการเปลี่ยนการ์ดที่พระราชวังบักกิงแฮมเลยครับ เขามีเปลี่ยนการ์ดทุกวันตอน 11 โมง (ถ้าสภาพอากาศเป็นใจ) ถ้าอยากเห็นการ์ดชัด ๆ ควรเข้าไปอยู่แถวกลาง ๆ และมาแต่เนิ่น ๆ หน่อย แม้ว่าตอนจบการ์ดจะเดินไปรอบ ๆ วงเวียนอยู่ แต่มันก็นานกว่าจะถึงตอนจบ
Buckingham Palace




St James’s Park
ถัดมาจากพระราชวังจะมีสวนสาธารณะหลายแห่ง เราเลือกเดินมาทาง St James’s Park เพื่อเดินไปย่าน Westminster




Big Ben (ที่ปิดซ่อม)
เดินมาไม่ไกลก็จะถึงย่าน Westminster เราก็เลยเดินมาดูหอนาฬิกา Big Ben กัน ช่วงนี้ปิดซ่อมอยู่ เห็นว่าจะเสร็จปี 2021 ใกล้ ๆ ก็จะเป็นอาคารรัฐสภาอังกฤษ อยากไปทัวร์เหมือนกันนะครับแต่ไม่มีรอบ อดเลย

London Eye

Westminster Abbey
เป็นมหาวิหารที่ใช้ประกอบพิธีสำคัญของทางอังกฤษเขา ไม่ได้เข้าไปเหมือนกันครับ


Oxford Street
เดินทางไปต่อที่ถนนช็อปปิ้ง Oxford street




British Museum
เนื่องจากอังกฤษเคยเป็นเจ้าอาณานิคมที่แผ่ขยายไปทั่วโลก เลยไปได้ทรัพย์สมบัติของประเทศต่าง ๆ มา ก็มาเก็บรวบรวมไว้ที่นี่แหละครับ





Trafalgar Square


2 ต.ค. 62: St. Paul’s Cathedral, Tate Modern, Phantom of the Opera
วันนี้กลับมาบริเวณริมแม่น้ำเทมส์อีกครั้ง
St. Paul’s Cathedral




Millennium Bridge
จาก St. Paul’s Cathedral จะมีสะพานชื่อ Millenium Bridge เพื่อข้ามไปยังพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ Tate Modern เป็นสะพานที่มีฉากในภาพยนตร์ Harry Potter and the Half-Blood Prince หลาย ๆ ท่านเลยเรียกสะพานนี้ว่าสะพานแฮรี่


Tate Modern
พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ มีผลงานชิ้นดัง ๆ ที่อยู่ในหนังสือประวัติศาสตร์ศิลปะเยอะแยะเลยครับ ส่วนตัวผมเป็นคนชอบ Modern art อยู่แล้ว เลยใช้เวลาดูค่อนข้างเยอะ ดูยังไม่หมดเลยปิดแล้ว 55





The Phantom of the Opera
มาลอนดอนก็ต้องไม่พลาดการมาชมละครเวที ผมเลือกชม The Phantom of the Opera ส่วนตัวค่อนข้างชอบนะครับ นักแสดงพลังเสียงอลังการมาก เรื่องแสงสีเสียงก็ดีเลย เพิ่งรู้ว่าเพลงที่ได้ยินบ่อย ๆ ตามงานโรงเรียนที่วงโยธวาทิตชอบเล่นคือเพลงของเรื่องนี้ 55

3 ต.ค. 62: เคมบริดจ์ (Cambridge)
อยู่ลอนดอนมา 4 วัน เปลี่ยนบรรยากาศไปเมืองอื่นบ้างครับ เคมบริดจ์เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงด้านการศึกษาครับก่อตั้งมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 แล้ว สมัยนั้นเหมือนอาจารย์มหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ดมีปัญหากับชาวเมือง ก็เลยรวมตัวกันย้ายเมืองมาอยู่ที่นี่ เที่ยวเมืองนี้เสร็จเลยอยากดู The Theory of Everything ขึ้นมาเลย
King’s Cross Station


Market Square
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.ก็ไปถึงเคมบริดจ์ครับ สถานีรถไฟห่างจากตัวเมือง 1.5 กม. เราเลยขึ้นรถเมล์เข้าเมืองครับ โดยลงที่จัตุรัสกลางเมือง


King’s College
เป็นวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมือง ผมว่าสวยที่สุดด้วย แต่ถ้าให้สวยต้องถ่ายมาจากมุมสูงเห็น King’s College Chapel กับสนามหญ้าเขียว ๆ ด้านหน้า ผมเดาว่าน่าจะถ่ายมาจากด้านบนของ Great St Mary’s Church มั้งครับ ไม่ได้ขึ้นไปเหมือนกัน






ล่องเรือ Punting
เป็นกิจกรรมหลักของคนที่มาเที่ยวเคมบริดจ์ครับ ล่องเรือชมวิทยาลัยต่าง ๆ ตามแนวแม่น้ำแคม จำราคาไม่ได้แล้ว แถว ๆ 20 ปอนด์นี่แหละครับ







วันนี้ก็ชิล ๆ ไม่ได้ไปไหนมากครับ จากนั้นเราก็เดินทางกลับลอนดอน
4 ต.ค. 62: อ๊อกซฟอร์ด (Oxford)
อ๊อกซฟอร์ดเป็นเมืองการศึกษาซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 โดยนักวิชาการที่ย้ายมาจากปารีส มหาวิทยาลัยได้ผลิตบุคคลที่มีชื่อเสียงขึ้นมามากมาย ในหลวงร.6 เองก็ทรงสำเร็จการศึกษาจากที่นี่ ใช้เวลาเดินทางจากลอนดอนแค่ 1 ชม.ทางรถไฟ เมื่อไปถึงแล้วก็เดินเข้าเมืองได้เลยไม่ต้องต่อรถ
Oxford Castle
เป็นปราสาทเก่าแก่ของเมือง เคยใช้เป็นคุกอยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนจะเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเมื่อไม่กี่ปีนี้เอง





Oxford City
เดินชมบรรยากาศเมือง โดยรวมผมว่าอ๊อกซฟอร์ดเป็นเมืองที่สวยเมืองนึงครับ เป็นบรรยากาศคนละแบบกับลอนดอน เหมือนมีความคลาสสิคบางอย่าง



Balliol College
กิจกรรมเมื่อมาอ๊อกซฟอร์ดก็คือการทัวร์วิทยาลัยต่าง ๆ ซึ่งล้วนออกแบบกันมาได้สวยงาม elite มาก ๆ เริ่มจากที่แบเลียลคอลเลจนี้ จริง ๆ สมัยอยู่สวีเดนผมว่ามหาวิทยาลัยต่าง ๆ ที่นั่นก็สวยมากแล้วนะครับ มาเจออันนี้เข้าไปนี่คนละเรื่องเลย ปัญหาคือดูด้วยตาสวย แต่ถ่ายรูปมาไม่ค่อยมีมุมที่ถ่ายรูปขึ้นเท่าไหร่



Bodleian Library
ห้องสมุดขนาดใหญ่ สร้างขึ้นเพื่อเก็บต้นฉบับของหนังสือทุกเล่มที่ตีพิมพ์ในอังกฤษ (ไม่รู้สมัยนี้ยังเพิ่มหนังสือเข้าไปอยู่ไหม) เปิดทัวร์เป็นรอบ ๆ เลยไม่ได้เข้าไปครับ

Radcliffe Camera
เป็นส่วนต่อขยายของห้องสมุด Bodleian ว่าจะเดินเข้าไปแต่เขาเขียนป้ายว่าพื้นที่ส่วนบุคคลไม่ให้เข้า ก็เลยไม่ได้เข้าครับ

Christ Church College
จริง ๆ ระหว่างทางก็ผ่านวิทยาลัยอื่น ๆ อีกบ้างอยู่ แต่ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ครับ นี่ตั้งใจไปดูห้องที่ใช้ถ่ายทำห้องอาหารของแฮรี่ พอตเตอร์ ปรากฏว่าไปไม่ทัน เขาปิดก่อน ปิดเร็วมาก


หลังจากนั้นเราก็เดินทางต่อไปที่ Bicester village outlet ที่ห่างออกไปประมาณ 15 นาทีทางรถไฟ ไม่มีอะไรเลยครับ ไม่ต้องไปก็ได้ เสร็จแล้วจึงเดินทางกลับ
5 ต.ค. 62: Salisbury & Stonehenge
จริง ๆ เส้นทางนี้เราแพลนจะเช่ารถขับจากลอนดอนแวะ Stonehenge แล้วก็ต่อไป Bath ปรากฏว่าผมลืมเอาใบขับขี่มาจากไทย ก็เลยได้ใช้ขนส่งสาธารณะ ใช้เวลาเดินทางนานเหมือนกัน ราว 1 ชั่วโมงครึ่งกว่าจะถึง Salisbury จากนั้นทัวร์ที่ไป Stonehenge จะมีเป็นรอบ ๆ ซึ่งไม่ได้ไปถี่ ขากลับก็เช่นกัน พลาดคันนึงก็รอนานไปเลย สรุปถ้าจะเดินทางด้วย public transport นี่ต้องเผื่อเวลาเยอะ ๆ เลยครับ ไม่งั้นก็ซื้อทัวร์จากลอนดอนไปเลยดีกว่า



Stonehenge
เป็นกองหินที่คนก็งงว่ามาตั้งอยู่ตรงนี้ได้ยังไง เพราะเขาวิเคราะห์ดูแล้ว เนื้อหินน่าจะมาจากเวลส์ที่ห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตร นักโบราณคดีสันนิษฐานว่าลำเลียงมาทางเรือ สร้างขึ้นเพื่อประกอบพิธีบางอย่างเพราะตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ไม่ใช่เขตเมืองในสมัยโบราณ จริง ๆ กองหินนี้ไม่ใช่กองหินเดียวในแถบนี้ มีกองหินอื่น ๆ อีกเยอะเลย แต่กองนี้ใหญ่สุด สมัยค้นพบใหม่ ๆ ให้คนไปจับเล่นด้วย เดี๋ยวนี้ล้อมรั้วไว้



เดินกลับมาไม่ทันรถรอบที่ตั้งใจไว้ เลยได้รออีกเป็นชั่วโมง คิดว่าไป Bath คงไม่ทันแล้ว ก็เลยกลับลอนดอนกันเลยครับ
6 ต.ค. 62: Hyde Park และเดินทางกลับ
วันนี้ก็เป็นการเดินทางกลับครับ กว่าจะขนของออกจากที่พักไปไว้ที่ออฟฟิซของ City Relay ก็นานพอสมควรอยู่ ตอนบ่าย ๆ ก็เดินเล่นที่ Hyde Park แล้วก็กลับครับ







หลังจากนั้นเราก็เดินทางสู่สนามบินด้วย Uber หมดไปหลายพันบาทอยู่ จำไม่ได้ และก็เดินทางกลับไทยตอนกลางคืนครับ มาถึงไทยราวบ่ายสาม
ก็จบลงแล้วครับสำหรับทริปลอนดอนและรอบ ๆ นี้ ส่วนตัวแล้วลอนดอนเป็นเมืองที่ผมชอบอันดับต้น ๆ ของยุโรปเลยนะครับ ถ้าให้เรียงน่าจะเป็นรองแค่สตอกโฮล์ม จริง ๆ ก็พูดยาก ไม่ใช่ว่าสตอกโฮล์มดีกว่าอะไรหรอก แต่อยู่ที่นั่นมานานมันก็มีความผูกพันบางอย่างที่เมืองอื่น ๆ ทดแทนไม่ได้น่ะครับ อย่างไรก็ดี ผมก็หวังว่าจะมีโอกาสกลับมาที่ลอนดอนอีก รู้สึกยังมีอีกหลายแห่งเลยที่ยังไม่ได้ไป อยากเจอ Big Ben ตอนสภาพสมบูรณ์ด้วยครับ รวมถึงเมืองอื่น ๆ ใน UK อีกครับ เป็นไม่กี่ประเทศที่ผมรู้สึกว่าต้องกลับมาเยือนอีกครั้งแน่นอนครับ 🙂
เขียนดี อ่านง่ายดีค่ะ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ