เที่ยวบาหลี 3 วัน

เมื่อวันที่ 12-16 ต.ค. 65 ที่ผ่านมาไปเที่ยวบาหลีมาครับ นับเป็นการเที่ยวต่างประเทศครั้งแรกในรอบ 2 ปีได้ หลังจากเกิดโรคระบาดมา พอดีผมมีประชุมที่ฟิลิปปินส์ เสร็จงานเลยเลยไปบาหลีเลยครับ ไปแบบแทบไม่ได้หาข้อมูลอะไรเลย ตอนที่ไปดูตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ เลยไม่รู้ว่าเขาทำอะไรกันครับ 555 แต่โดยรวมก็ประทับใจนะครับ

ผมว่าบาหลีเป็นเกาะที่ไปแล้วรู้สึกเหมือนเล่นเกม RPG หรือกำลังเป็นนักผจญภัยแบบในหนังอินเดียน่าโจนส์หรือเกม Tomb Raider คือเป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์สูง ทั้งเกาะมีสถาปัตยกรรมเฉพาะตัวที่ค่อนข้างไปในทางเดียวกัน อีกทั้งเป็นเกาะที่สามารถท่องเที่ยวได้หลายแนว แนววัฒนธรรม แนวทะเล ภูเขา น้ำตก เรียกว่าไปที่เดียวได้หลายอย่างดีครับ

ทิปเล็กทิปน้อย

  • ประชาชนในบาหลีนับถือศาสนาฮินดูเป็นหลัก พวกวัดวาต่าง ๆ ที่เราเห็นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวพวกนี้ก็เป็นวัดฮินดู ซึ่งจะต่างจากเกาะอื่น ๆ ของอินโดนีเซียที่เป็นอิสลามเป็นหลัก
  • ถ้ามีกำลังทรัพย์ ผมว่าจ้างไกด์ก็อาจจะดีครับ เพราะถ้าไปเองแบบผม จะไม่รู้เรื่องเลยว่าอะไรเป็นอะไร ตอนเขาทำพิธีกันก็ไม่รู้เขาทำอะไร หรือตามวัดต่าง ๆ ก็ไม่รู้ว่าเขามีสิ่งต่าง ๆ ไว้ทำอะไร
  • เรื่องที่พัก ตัวผมเองพักที่ Seminyak และ Ubud แต่ตามข้อมูลในเว็บอาจมีแนะนำให้พักที่ Kuta ผมถามคนในพื้นที่ เขาบอกว่าเดี๋ยวนี้นักท่องเที่ยวไม่ค่อยพักที่ Kuta กันแล้ว เพราะดูไม่ค่อยเหมือนบาหลีเท่าไหร่แล้ว
  • อาหารการกิน ไม่ได้แพงมาก แม้เป็นร้านเอาไว้ขายนักท่องเที่ยว ตกราว ๆ จานละ 200-300 บาท ถ้าขายนักท่องเที่ยวเขาจะทำมาให้ไม่เผ็ดได้ แต่ชาวบาหลีจริง ๆ กินเผ็ด
  • ขั้นตอนการผ่านเข้าออกตรงตรวจคนเข้าเมืองและรักษาความปลอดภัยที่สนามบินค่อนข้างช้ามาก เผื่อเวลาไว้เยอะ ๆ ครับ

การเดินทาง

  • ผมใช้ Grab เป็นหลัก สามารถใช้บัญชีเดียวกับที่ไทยได้เลยไม่ต้องเปิดใหม่ ไม่จำเป็นต้องซื้อซิมเช่นกัน
  • การเดินทางในเมืองรถติดมาก ๆ ส่วนหนึ่งเพราะถนนค่อนข้างเล็ก ถ้าเดินทางใกล้ ๆ ใช้ Grab เรียกมอเตอร์ไซค์ก็สะดวกดีครับ
  • อย่างไรก็ดี ถ้าเดินทางเยอะ ๆ ผมแนะนำว่าเหมารถไปเลยดีกว่า สองวันแรกผมใช้ Grab น่าจะหมดไปเป็นล้านรูเปียห์ต่อวันได้ วันที่สามลองเหมาดู ขนาดเดินทางไป Lempuyang (2 ชม.จาก Ubud) ทั้งวันยังแค่ 800K รูเปียห์เองครับ ถ้าแค่เดินทางในเมืองคนขับบอก 600K รูเปียห์ ผมว่าน่าจะถูกกว่าแกรบ
  • หรือถ้าไม่ใช้ Grab เวลาเจอรถจอดอยู่เราก็ไปคุยกับคนขับตรง ๆ เลยได้ เวลาต่อราคาก็ใช้ Grab เป็นเครื่องมือต่อราคาได้ คือเปิด Grab มาแล้วขึ้นว่ากี่บาทก็ต่อรองคนขับตามนั้น แม้ว่าราคาจะเท่ากันคนขับก็อยากให้เราจ่ายตรงไม่ผ่าน Grab มากกว่า เพราะเขาไม่ต้องโดนหัก 30% ไปเข้าแพลตฟอร์ม (แต่ฝั่งเราก็อาจเพิ่มความเสี่ยงโดนเขาโกงหรืออื่น ๆ)
  • เข้าเมืองไม่ควรใช้แท็กซี่ ตอนผมไปถึงสนามบิน มีคนมาเสนอราคาเข้าเมืองไป Seminyak ที่ 200K รูเปียห์ อยากลองนั่งแท็กซี่เลยไปลองเรียกดู ไม่มีมิเตอร์เป็นระบบเหมาจ่าย (แต่แท็กซี่ในเมืองมีมิเตอร์) สรุปโดนไป 300K รูเปียห์ แพงมาก (ตอนนั้นยังเช็คราคาจาก Grab ไม่เป็น เพราะ UI ไม่เหมือนที่ไทย) วันต่อ ๆ มาลองถามคนขับดู เขาบอกไม่ควรเกิน 150K สำหรับระยะทางประมาณนี้ สรุปโดนไปสองเท่า แล้วถามคนขับดูว่าเขาได้เงินจริงเท่าไหร่ เขาบอกประมาณแค่ 25% ของราคาเท่านั้น สรุปบริษัทแท็กซี่กับสนามบินเอาไปหมด ผมคิดว่าวิธีที่จะได้ราคาดีที่สุดน่าจะต่อรองตรงกับคนขับโดยต่อรองจากราคา Grab

12 ต.ค. 65: เดินทางไปถึง

การเดินทางออกจากมะนิลาไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่ เครื่องบินดีเลย์ราวสองชั่วโมง (AirAsia) ไปถึงก็เหนื่อย ๆ หิว ๆ กว่าจะผ่านตม.มาได้ก็นาน ผมแลนด์ราว ๆ เที่ยงคืน กว่าจะถึงโรงแรมก็ตีสอง คืนแรกพักที่ Seminyak เพื่อให้ไม่ต้องเดินทางไกลมาก และก็จะได้เที่ยวโซนทางใต้ของเกาะก่อนได้ โดยโรงแรมผมพักที่โรงแรม Ramada Encore by Wyndham Bali Seminyak โดยรวมก็โอเคครับ แต่ภาพถ่ายจากในเว็บจะดูดีกว่าของจริงระดับนึงเหมือนกัน

กว่าจะได้นอนจริงก็ตีสามกว่า ตื่นมาสาย ๆ สั่งเป็ดทอดมากิน อร่อยดีครับ

13 ต.ค. 65: โซนทางใต้ของเกาะ

เริ่มต้นวันแรกด้วยการเที่ยวโซนทางใต้ของเกาะ จริง ๆ มันมีความกลับไปกลับมาอยู่เพราะ Tanah Lot อยู่ทางเหนือของ Seminyak ส่วนที่อื่น ๆ อยู่ทางใต้ ถ้าจะให้ไปทางเดียวควรไปเก็บทางใต้ก่อนแล้วแวะ Tanah Lot ก่อนขึ้นไป Ubud แต่ที่จัดทริปแบบนี้เพื่อให้ได้ดู Kecak dance ที่วัด Uluwatu ตอนเย็น ๆ ได้

Tanah Lot

ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่เลยครับ รู้แค่เป็นวัดอยู่กลางทะเล เห็นสวยดีก็เลยไป ไปถึงก็สวยจริง ๆ นะครับ ไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่ ลมทะเลมาตลอดแม้แดดจะแอบแรง

แถวนั้นจะมีวัดหลาย ๆ วัดที่อยู่หน้าผาที่ยื่นไปบนทะเล

เข้าในว่าส่วนนี้คือ Tanah Lot จริง ๆ มองไปสวยดีนะครับ

เดินเข้าไปใกล้ ๆ จะเข้าไปไม่ได้ เพราะมีป้ายบอกไม่ให้ข้ามทะเลเข้าไป น่าจะกลัวอันตราย

บรรยากาศส่วนที่อยู่บนบก

มีร้านขายของ เหมือนสถานที่ท่องเที่ยวทั่วไป จริง ๆ บาหลีเป็นฮินดูแต่เศียรพระแบบพุทธก็ดูจะมีขายเยอะ

Garuda Wisnu Kencana (GWK) Cultural Park

GWK ห่างจาก Tanah Lot ประมาณ 1 ชม.กว่า ๆ ตอนแรกนึกว่าเป็นตึกที่มีรูปปั้นครุฑใหญ่ ๆ โดด ๆ ปรากฏว่าเป็นพื้นที่ศูนย์ประชุมขนาดค่อนข้างใหญ่ให้เราเดินชม

ภาพนี้เป็นทางเข้าแถวที่ขายตั๋ว รูปปั้นสวยดีครับ

บริเวณภายในสวน ผมว่ามีความ theme park มีร้านขายของ มีการแสดง มีกิจกรรมให้ทำเยอะพอสมควร

เดินชมสวนภายในนั้น

ภายในสวนมีรูปปั้นใหญ่ ๆ อยู่สามชิ้น อันนี้ชิ้นแรกคือรูปปั้นพระนารายณ์

เริ่มมองเห็นรูปปั้นพระนารายณ์ทรงครุฑ (ถ้าเข้าใจไม่ผิด 😅) ไกล ๆ อันนี้ใหญ่พอสมควรนะครับ มองจากสนามบินก็เห็น

รูปปั้นที่สองเป็นรูปปั้นครุฑ ใหญ่ดีครับ

มองลงไปจากรูปปั้นครุฑเป็นลานกว้างสำหรับทำกิจกรรม

ทางเดินไปรูปปั้น

เดินมาถึงอาคาร แอบไกล เดินขึ้นเขาด้วยครับ ถ้าไม่อยากเดินต้องเสียค่ารถขึ้นมา เหมือนเป็นอาคารจัดประชุม เข้าไปข้างในมีแค่นิทรรศการเปิดให้เข้า ส่วนอื่น ๆ ไม่เปิด

ซูมไปที่รูปปั้นครับ

Uluwatu temple

ใกล้ ๆ กันจะเป็นวัด Uluwatu เป็นวัดริมทะเลอีกแห่งหนึ่ง พระอาทิตย์กำลังตกดินพอดี

วัดริมหน้าผาสวยดีครับ

ในภาพเป็นเวทีการแสดง Kecak dance รอบ 18:00 ผมมาไม่ทัน ได้รอบ 19:00 แทน (วันหนึ่งมีสองรอบ)

รอชมการแสดงก็เดินชมวิวริมหาดไปเรื่อย ๆ ครับ

พระอาทิตย์ตก

การแสดง Kecak dance ส่วนใหญ่จะเป็นการใช้เสียงเป็นหลัก ร้องประสานเสียงกันเป็นชั่วโมง เห็นแล้วก็เหนื่อยแทนเหมือนกันครับ ผมคิดว่ารอบ 18:00 น่าจะดีกว่า หนึ่งคือวิวทะเลน่าจะสวย สองคือคนแสดงน่าจะยังไม่เหนื่อย

เนื้อเรื่องเป็นเรื่องเกี่ยวกับรามเกียรติ์ แต่เหมือนเนื้อหาจะไม่เหมือนที่เราเรียนในไทยกันเสียทีเดียว

หนุมานเล่นกับไฟ ฉากนี้ wow ดีครับ

หลังจากนั้นก็เดินทางไปเอาของที่โรงแรมเดิมแล้วเดินทางต่อไป Ubud

14 ต.ค. 65: Ubud

ที่ Ubud นี้ผมพักที่โรงแรม Anumana Ubud Hotel เรื่องทำเลผมว่าค่อนข้างดี คืออยู่ใกล้ ๆ Sacred monkey forest sanctuary เลย เดินไปไม่กี่นาทีถึง แต่ข้อเสียคือค่อนข้างเก่านิด และอาหารเช้าไม่ใช่บุฟเฟต์

Sacred Monkey Forest Sanctuary

ไม่แน่ใจว่าควรเรียกภาษาไทยว่าอะไร เห็น BBC Thai ใช้คำว่า อุทยานลิงศักดิ์สิทธิ์ (URL) เป็นหนึ่งในที่เที่ยวที่ผมชอบที่สุดในทริปนี้เลยครับ บรรยากาศป่าเขตร้อน มีต้นไม้สูง ๆ มีสถานที่ที่ดูโบราณ ๆ มีลิงเยอะ ๆ ให้ความรู้สึก adventure มาก

เดินเล่นดูลิงก็เพลิน ๆ ดีครับ ผมพยายามดูว่าเขาทำอะไรกันบ้าง ก็ดูมีกิจกรรมที่หลากหลายอยู่ แต่ส่วนใหญ่เหมือนจะนั่งเฉย ๆ เป็นหลัก กับหาเหาให้เพื่อน

รูปแกะสลักบริเวณทางเข้า ผมรู้สึกว่าแนวนี้น่าจะเพิ่งสร้างไม่นาน แต่สีและการมีตะไคร้เกาะก็เพิ่มความขลังดี

บรรยากาศภายใน ร่มรื่นดีครับ

กิจกรรมหลักอย่างหนึ่งของน้องเขา

นักท่องเที่ยวก็ชอบถ่ายรูปน้อง

ร่มรื่นมากครับ ต้นไม้สูง ๆ เต็มไปหมด

ลิงเด็ก น่ารักดี

บรรยากาศในอุทยาน

รูปปั้นในอุทยาน พอมีเขียว ๆ เกาะก็ขลังขึ้นมาเลย

พวกทางเดินตามสะพานอันนี้ก็สวยดีครับ

บรรยากาศในอุทยานครับ

ถ่ายน้องชัด ๆ ยากอยู่ น้องชอบขยับเวลาเราจะถ่าย

บรรยากาศในอุทยาน

บางตัวก็ไปเล่นน้ำ บางตัวก็เล่นหิน

Ubud Palace และรอบ ๆ

ผมแวะพักผ่อนที่โรงแรมนิดแล้วเดินทางต่อไป Ubud palace อันนี้เข้าฟรีไม่เสียเงิน แต่ข้างในจริง ๆ ก็ไม่ได้มีอะไรเท่าไหร่

ประตูทางเข้า Ubud palace

บาหลีนี่ประตูสวย ๆ เยอะมากครับ

ประตูอีกแล้ว

รูปปั้น ไม่แน่ใจว่าคืออะไร

ใกล้ ๆ Ubud palace จะเป็น art market

เอาจริง ๆ ผมว่าก็คล้าย ๆ ไทย แค่ของที่ขายอาจจะต่างนิด

บรรยากาศในตลาด

บรรยากาศในตลาด

ประตูอีกแล้วครับ สวยดีครับ

ประตูอีกแล้ว

มีปลัดขิดขาย เหมือนจะเป็นที่เปิดขวดได้ด้วย

แวะกินข้าวที่ร้านอาหารแถวนั้น รออาหารแอบนาน เกือบชั่วโมงเหมือนกันทั้ง ๆ ที่ลูกค้าก็ไม่ได้เยอะ (แต่เท่าที่กินมาในบาหลีก็ไม่ค่อยมีร้านไหนทำเร็วนะครับ)

ใกล้ ๆ นั้นจะเป็น Saraswati Temple วัดที่มีสระบัว คนแอบเยอะ

มีเด็กมาตกปลา

บัวไม่ค่อยงอก เลยเป็นแบบนี้ ถ้าบัวเยอะ ๆ อาจสวยกว่านี้มั้งครับ

ใกล้ ๆ กันเห็นทางชี้ไปนา เลยลองเดินไปดู เป็นนาธรรมดา ไม่มีอะไรเท่าไหร่ ไม่ต้องไปก็ได้ครับ แต่เดินไปไกล ๆ อาจสวยนะ ผมเดินไปได้ราวครึ่งชั่วโมงรู้สึกไม่มีอะไรเลยเดินกลับ

Pura Tirta Empul

เดินทางไปต่อที่ landmark หนึ่งของบาหลี เหมือนจะเป็นวัดที่มีสระศักดิ์สิทธิ์ คนมาลงน้ำขอพรกัน

ก่อนลงต้องเปลี่ยนชุดก่อน (มั้ง)

บรรยากาศการลงน้ำ ผมไม่ได้ลงเหมือนกันครับ

น่าจะเอาไว้บูชา

ที่งงคือ คนท้องถิ่นก็ไม่เห็นเขาจะเปลี่ยนชุดกัน

แถวคนรอลงน้ำ

ข้าง ๆ กันก็มีพิธีอะไรซักอย่าง

บรรยากาศการทำพิธี จริง ๆ ในทุกวัดจะมีเขตที่ห้ามคนศาสนาอื่นเข้า ให้เฉพาะคนศาสนาฮินดูเข้าไปประกอบพิธีกรรมเท่านั้น

เห็นการพันผ้าแบบนี้เยอะมาก ไม่รู้คืออะไรเหมือนกันครับ

ใกล้ ๆ กันมีสระที่มีปลา

น้องเล่นกับปลา ใกล้ชิดดีครับ

Tegallalang Rice Terrace

ปิดท้ายวันด้วยการไปนาขั้นบันได ผมนึกว่าจะเป็นที่เปิด ๆ ให้เข้าไปยืนชมนาได้ สรุปว่าไม่ใช่ ทั้งสองข้างทางของถนนเป็นร้านค้าทั้งหมด ถ้าจะเข้าไปดูนาเราต้องจ่ายให้ร้านที่เราอยากเข้า แล้วพอเข้าไปแล้วก็เดิน trek ไปได้เรื่อย ๆ แต่ผมก็ไม่ได้ไปไกลเหมือนกัน

ในภาพเป็นร้านที่ผมเข้าไป นาพวกนี้น่าจะมีฟังก์ชั่นหลักคือเอาไว้ให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูป

แต่ถ่ายออกมาก็สวยดีนะครับ

เมล็ดข้าว ไม่เห็นมานานแล้วเหมือนกัน (จริง ๆ ที่ไทยก็มี)

สิ้นสุดวันครับ เดินทางกลับโรงแรม

15 ต.ค. 65: รอบนอกเมือง

วันนี้ตอนแรกผมว่าจะเช่ารถขับ เพราะแต่ละที่ไกลกันมาก ถ้าเรียก Grab หมดน่าจะอ่วม ระหว่างเรียก Grab bike ไปร้านเช่ารถ ขนขับแนะนำให้รู้จักคนขับรถเช่าคนหนึ่ง พูดคุยสอบถามราคา รู้สึกว่าไม่ได้แพงกว่าเช่าขับเองเท่าไหร่ ไหนจะค่าน้ำมันอีก ก็เลยจ้างเขา 1 วันไปเลย

คนขับถามว่ามีไร่กาแฟขี้ชะมดออแกนิกสนใจไปดูไหม ก็เลยแวะก็ได้ (เดาว่าเขาน่าจะมี contract บางอย่างว่าถ้าพาคนมาได้จะได้ค่าคอม ฯ xx บาท) ในภาพด้านล่างก็เป็นผลโกโก้ เพิ่งเคยเห็นของจริงครับ

เขามีแสดงขั้นตอนการทำกาแฟขี้ชะมด

แล้วก็มีกาแฟและชาที่เขาทำขายให้ชิม ทั้งหมดนี้ฟรี ก่อนจะปิดที่การขายของ เห็นเขาใช้ความพยายามเยอะในขั้นต่าง ๆ ก็เลยซื้อกาแฟให้เขาแก้วนึง จริง ๆ แอบรู้สึกถูกมัดมือชกเบา ๆ 55

บรรยากาศภายในไร่ออแกนิกดังกล่าว

ออกเดินทางกันต่อ คนขับรถพาไปกินร้านบุฟเฟต์ชมวิวภูเขาไฟ Batur

บรรยากาศดีมากครับ เป็นภูเขาติดทะเลสาบ

ฝั่งทะเลสาบ ไกด์บอกว่าว่ายไม่ได้

ฝั่งภูเขาไฟ จะเห็นร่องรอยของแมกม่าสีดำ

Besakih Great Temple

กว่าจะถึงที่หมายแรกก็บ่ายสาม (จริง ๆ ก็เพราะออกสายและแวะหลายที่ด้วยครับ) เขาบอกอันนี้เป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในบาหลี

รู้สึกชุดของนักท่องเที่ยวสองท่านมีความแมทช์กับพืชพรรณในวัด

บรรยากาศในวัด ประตูแบบตัดแบบนี้มีเยอะในบาหลีเช่นกัน

ไม่รู้คืออะไร

บรรยากาศในวัด

ครอบครัวของชาวท้องถิ่นแถวนั้น

เหมือนจะเป็นนักท่องเที่ยว

น่าจะมีเหตุผลที่เขาสร้างเจดีย์แบบนี้

บรรยากาศในวัด

บรรยากาศในวัด

มีชาวท้องถิ่นมาทำพิธีกรรมเยอะเหมือนกัน

ชาวท้องถิ่นและพิธีกรรม

Pura Penataran Agung Lempuyang

เดินทางต่อไป Lempuyang ใช้เวลาราว 1 ชั่วโมงครึ่ง เป็นวัดที่อยู่บนเขา ต้องจอดรถตรงที่จอดรถแล้วเสียค่ารถขึ้นไปอีก วัดนี้เป็นที่นิยมในการถ่ายรูปลง Instagram เพราะประตูด้านล่างนี้ ตอนเราซื้อบัตรเข้าชมเราจะได้คิวการถ่ายรูปมาโดยอัตโนมัติ จะมีคนขานหมายเลขเราที่หน้าจุดถ่ายรูป

ระหว่างรอถ่ายรูปก็เดินดูวัดไปเรื่อย ๆ

จริง ๆ ถ้าอากาศดี มองไปจะเห็นเป็นภูเขาครับ คำโฆษณาคือ a gate to heaven คนส่วนใหญ่นิยมมาถ่ายรูปตอนเช้า เขาบอกว่าบางคนรอเป็นหลายชั่วโมงกว่าจะได้ถ่าย

บรรยากาศประตูครับ สุดท้ายผมก็รอไม่ไหว กลับก่อนดีกว่าค่ำแล้ว จริง ๆ ส่วนตัวผมว่าวัดนี้นอกจากประตูนี้ก็ไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่

ทิปเล็กทิปน้อยก็คือ จะเห็นว่าจริง ๆ ด้านล่างเป็นพื้นธรรมดา เวลาเห็นคนถ่ายรูปมาสวย ๆ มีเงาสะท้อน จริง ๆ เขาเอากระจกมาด้วยครับ

เสร็จแล้วก็เดินทางกลับที่พัก กว่าจะถึงก็ราวสองทุ่มกว่า พักผ่อน เตรียมตัวกลับบ้านครับ มีแวะดูหนังชีวประวัติซูการ์โน (ผู้นำการประกาศอิสรภาพอินโดนีเซียจากเนเธอร์แลนด์) ทาง Netfilx (IMDB)

16 ต.ค. 65: เดินทางกลับ

วันนี้ไม่มีอะไรครับ ตื่นมาว่ายน้ำเล่น พักผ่อน เที่ยง ๆ ก็เช็คเอาท์แล้วออกเดินทางไปสนามบิน ไปถึงเร็วเกิน เคาท์เตอร์ฝากกระเป๋ายังไม่เปิด เลยนั่งเล่นอ่านหนังสือไป

บรรยากาศสนามบิน Bali Ngurah Rai International Airport

ใช้เวลานานมากกว่าจะผ่านมาถึงเกทได้ แต่สนามบินสวยดีครับ


ก็จบแล้วครับสำหรับทริปบาหลีนี้ โดยรวมค่อนข้างประทับใจนะครับ ผมว่าเป็นสถานที่ที่มีเสน่ห์อันดับต้น ๆ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เท่าที่ไปมาได้เลยครับ

ไว้มีทริปหน้ากลับมาใหม่ครับ

Comments

  1. อยากทราบข้อมูลเกี่ยวกับการเหมารถคะ ติดต่อกับใครอย่างไรคะ

    1. ตอนแรกผมไปติดต่อร้านที่หาได้ใน Google Maps ครับ แต่ระหว่างทางเรียก Grab bike ไปส่ง เขาแนะนำอีกร้าน ก็เลยลองถามราคาทั้งสองร้าน สรุปร้านที่ Grab bike แนะนำถูกกว่า ก็เลยเอาตามนั้นไปครับ แต่จริง ๆ ผมว่าถามเอาจาก taxi ที่จอดตามข้างทางเลยก็อาจจะได้ครับ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *